สวัสดีครับ
ก่อนจะเข้าเรื่องผมขอคุยอะไรนิดหน่อยก่อนนะครับ
ผมเริ่มทำ Blog นี้มาตั้งแต่เดือนธันวามคม ปี 2549 สาหตุที่ทำก็เพราะผมเห็นว่าการรู้ภาษาอังกฤษเป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน ภาษาอังกฤษช่วยเราในการทำงานหาเลี้ยงชีพ ช่วยในการแสวงหาความรู้ ช่วยให้ได้รับความเพลิดเพลิน ช่วยในการผูกมิตร ช่วยให้รู้จักโลกกว้างไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวจริง ๆ หรือผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ และช่วยอะไรต่ออะไรอีกมากมาย
แต่ความจริงที่ปรากฏอยู่ก็คือ ในการศึกษาภาษาอังกฤษคนเรา ‘ไม่เท่ากัน’ หรือ ‘ไม่เหมือนกัน’ เช่น ชอบหรือเกลียดภาษาอังกฤษไม่เท่ากัน, แข็งแรงหรืออ่อนแอเรื่องภาษาอังกฤษไม่เท่ากัน, มีโอกาสในการใช้งานภาษาอังกฤษไม่เท่ากัน, มีเงินหรือเวลาไม่เท่ากันที่จะใช้ศึกษาภาษาอังกฤษ ฯลฯ แต่แม้ว่าอะไรต่ออะไรจะไม่เท่ากัน ถ้าแต่ละคนรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่านออก-เขียนได้ หรือฟังออก-พูดได้ ภาษาอังกฤษก็จะช่วยเติมสิ่งดี ๆ ให้แก่ชีวิต ไม่มากก็น้อย
ด้วยเหตุนี้ผมจึงทำ Blog นี้ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ท่านที่ต้องการศึกษาได้มีอีกทางเลือกหนึ่งในการศึกษาภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
ข้อเขียนหรือบทเรียนใน Blog นี้แทบทั้งหมดผมอามาจากที่อื่น ผมตั้งใจให้มันมากทั้งปริมาณ – คุณภาพ – และความหลากหลาย เพราะทราบว่าความต้องการของผู้เรียนไม่เหมือนกัน เมื่อท่านเข้ามาใน Blog นี้ผมจึงอยากให้ท่านมีอะไรติดมือกลับไปอย่างน้อย 1 ชิ้นก่อนออกจาก Blog นี้ และทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้าของเว็บที่เป็นแหล่งข้อมูลทุกท่านทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
มีเรื่องหนึ่งที่ผมถูกถามบ่อยแค่ก็ตอบไม่ค่อยได้ คือ ‘ขอให้แนะนำเว็บสำหรับผู้ศึกษาชนิดเริ่มต้น หรือต้องการฟิตภาษาอังกฤษใหม่ เพราะทิ้งมานาน…’ คำถามนี้ดูเหมือนตอบง่ายแต่จริง ๆ แล้วตอบยากมากครับ หรือพูดให้ถูกจริง ๆ ก็คือผมตอบแทนใครไม่ได้เลย หมายถึงว่า พอตอบแล้วท่านเอาคำตอบของผมไปใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ เพราะอะไร….
… ก็พราะว่า
-คำว่า ‘พื้นฐาน’ ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน
-แต่ละคนมีวิธีในการเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล ไม่เหมือนกัน หรือไม่เท่ากัน
-วัตถุประสงค์ในการเรียนภาษาอังกฤษของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน หรือไม่เท่ากัน
-แต่ละคนมีเงื่อนไขส่วนตัวหรือความพร้อมในการศึกษาอังกฤษ ไม่เหมือนกัน หรือไม่เท่ากัน
-ฯลฯ
ผมอาจจะตอบท่านได้ แต่คำตอบที่เอาไปใช้และได้ผลจริง ๆ ท่านต้องหาด้วยตัวเอง อาจจะต้องผ่านช่วงลองผิดลองถูกสักระยะหนึ่ง พอจับทางของตัวเองได้ก็เดินตามทางนั้นอย่างขยันขันแข็ง ก็จะได้รับผลเร็วและไม่เบื่อ
ผมเคยได้ยินน้อง ๆ หลายคนบ่นว่า อาจารย์คนนั้นคนนี้สอนภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่อง น่าเบื่อ แต่ผมอยากจะบอกว่า การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองผ่านเน็ตคือการเรียนแบบผู้ใหญ่ ผู้เรียนจะต้องรู้จักตัวเอง หาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง และเมื่อพบแล้วก็รักษาวินัยที่ให้ไว้กับตัวเอง การเรียนภาษาอังกฤษไม่มีทางลัด
ผมได้ยินหลายคนกล่าวหาระบบการศึกษาของไทยว่าไม่ได้เรื่อง คนเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิบปีก็ยังพูดเขียนไม่ได้ ผมคิดว่าบางทีเราอาจจะกล่าวหารุนแรงเกินไป สิ่งที่ครูสอนนั้น ‘ไม่ผิด’ แต่อาจจะ ‘ไม่พอ’ ฉะนั้น ผู้เรียนต้องเติมให้เต็มด้วยตัวเอง ทั้งขณะที่ยังเป็นนักศึกษาและเมื่อจบการศึกษาแล้ว และจริง ๆ แล้วก็ไม่มีวิชาใดหรอกครับที่ perfect จากห้องเรียน นักเรียนคนใดที่เอาแต่รอครูมาเติมให้เต็ม ก็คงเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต
การศึกษาภาษาอังกฤษของคนไทยเราอาจจะเสียเปรียบคนบางชาติในเอเชีย ผมเคยคุยกับเพื่อนชาวเวียดนามและอินโดนีเซีย สองชาตินี้ใช้อักษรโรมันที่เพิ่มเติมสัญลักษณ์อะไรนิดหน่อยในการเขียนภาษาของเขา ฉะนั้นแม้ในชีวิตประจำวันของเขาจะไม่ได้ฟัง-พูด-อ่านภาษาอังกฤษเลย แต่การที่เขาใช้อักษรโรมันในการเขียนภาษาของเขา อย่างน้อยก็ทำให้เขาสามารถเชื่อมโยงกับภาษาอังกฤษได้ง่ายกว่าคนไทยเรา ข้อสรุปของผมก็คือ น่าภูมิใจที่เรามีภาษาของตัวเองที่ใช้ทั้งในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน แต่เราก็ต้องพยายามศึกษาภาษาสากลของชาวโลกเพราะโลกแคบลงทุกที โอกาสที่เราจะเดินชนชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษมีมากขึ้นทุกทีเช่นกัน
* * * *
เว็บที่ผมจะแนะนำวันนี้ เป็นคอลัมน์ Words and Their Stories จากเว็บ VOA หรือ Voice of America ผมเคยแนะนำเว็บนี้ไว้แล้วที่ลิงค์ข้างล่างนี้
[55] ศึกษาอังกฤษจาก Voice of America
[41] จำศัพท์วิ่ง 1,500 คำ จากหน้าคอมฯ
เนื่องจากเป็นเว็บที่มีประโยชน์มากจริง ๆ ในการศึกษาภาษาอังกฤศด้วยตัวเอง ทั้งในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน
สำหรับ Words andTheir Stories เป็นไฟล์ mp3 รายการพูดภาษาอังกฤษทุกวันอาทิตย์ที่เว็บไซต์ของเขา เขาเอาศัพท์สำนวนที่ใช้ใน American English มาพูดอธิบายและมี script ให้อ่านด้วย ที่น่าสนใจคือเขาพูดช้าและชัด และมีวิธีการอธิบายที่เป็นธรรมชาติมาก
ที่ Words andTheir Stories ของเว็บ VOA ท่านสามารถฝึกภาษาอังกฤษได้ทุกทักษะ ดังนี้
1. ฝึกอ่าน เพราะมี text ให้ท่านอ่านอยู่แล้ว ท่านสามารถศึกษาศัพท์ – สำนวน – โครงสร้างประโยค – ลักษณะการอธิบาย นอกเหนือจากการอ่านให้รู้เรื่อง ท่านจะอ่านก่อนฟัง ฟังก่อนอ่าน หรืออ่านพร้อมฟัง ก็ทำได้ตามสะดวก
2. ฝึกเขียน ผมอยากเสนออย่างนี้ครับ ที่ text ที่เขาให้ไว้นั้น ที่เป็นศัพท์และสำนวนจะพิมพ์ตัวหนา หลังจากที่ท่านอ่านหรือฟังจนพอใจแล้ว ท่านลองเขียนความหมายของศัพท์หรือสำนวนที่เป็นตัวหนานั้นด้วยตัวเอง (จะเขียนด้วยสำนวนภาษาของตัวเองหรือจำเขามาเขียนก็ได้ แต่ห้ามดูต้นฉบับเวลาเขียน) ถ้ายังเขียนไม่ได้ก็กลับไปอ่านหรือฟังอีกครั้ง
3. ฝึกฟัง จะฟังกี่เที่ยวก็ทำได้ตามสะดวก แต่ละตอนยาวประมาณ 5 นาทีเท่านั้น
4. ฝึกพูด ก็คล้าย ๆ ฝึกเขียน คือหลังจากฟังจนพอใจแล้ว ท่านลองพูดอธิบายความหมายของศัพท์หรือสำนวนที่เป็นตัวหนานั้นออกมา (จะพูดด้วยสำนวนภาษาของตัวเองหรือพูดตามที่ฟังก็ได้ ) ถ้ายังพูดไม่ได้ก็กลับไปอ่านหรือฟังอีกครั้ง
ณ วันนี้ (11 พฤษภาคม 2551) ที่คอลัมน์ Words and Their Stories นี้มีเรื่องทั้งหมด 66 หัวข้อ ซึ่งผมได้ดาวน์โหลดทั้งไฟล์ข้อความและไฟล์เสียง mp3 เก็บไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านใดต้องการดาวน์โหลดต่อเพื่อเอาไปฝึกฟัง – พูด – อ่าน – เขียน โดยไม่ต้องต่อเน็ตอีก เชิญดาวน์โหลดได้จากลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
1 ลิงค์ประกอบด้วย 3 เรื่อง, 22 ลิงค์ = 66 เรื่อง
words_in_the_news
VOA_1
VOA_2
VOA_3
VOA_4
VOA_5
VOA_6
VOA_7
VOA_8
VOA_9
VOA_10
VOA_11
VOA_12
VOA_13
VOA_14
VOA_15
VOA_16
VOA_17
VOA_18
VOA_19
VOA_20
VOA_21
VOA_22
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากนะคะ ที่นำความรู้มากมายมากให้
ชอบมากเลยคะ จะเข้ามาศึกษาบ่อยๆๆ
สุ้ๆๆต่อไปค่าาาา
ขอบคุณมาก มาก ครับ บทพูดภาษาอังกฤษช้าๆ ชัดๆ อย่างนี้มีdialogue ให้ด้วยเยี่ยมครับ
ขอบคุณมากคะที่แนะนำสิ่งดีๆให้ ขอให้คุณอาสุขภาพเข็งแรงนะคะ
ขอบคุณครับ มีประโยชน์มากครับ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ ตามหาเว็บแบบนี้มานานแล้ว
เป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์สิ่งดีๆต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากนะค่ะ ที่มอบแต่สิ่งที่ดี ๆ ให้มาโดยตลอด ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น