วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[293] โปรแกรมแปล อังกฤษ-ไทย & ไทย-อังกฤษ

 คลิก:

โปรแกรมแปล อังกฤษ ไทย online และ offline

[292] อ่าน story สนุก ๆ ที่มีคำแปลศัพท์ให้ทุกคำ

สวัสดีครับ
ผมเคยแนะนำเว็บเรื่องสั้นอ่านเล่น สนุก ๆ คือเว็บนี้
http://www.short-funny-stories.com/
ไว้ที่ลิงค์นี้ [88] เก่งภาษาอังกฤษกับการอ่านเรื่องเบา ๆ

มันเป็นเรื่องสนุกก็จริงอยู่ แต่ผมกลัวว่าบางท่านจะบอกว่า อ่านแล้วไม่รู้ศัพท์เลยไม่สนุก และไม่ขออ่าน

เอาอย่างนี้แล้วกันครับ เว็บ short-funny-stories.com ข้างบนนั้น ผมทำให้ใหม่เป็นเวอร์ชั่นที่มีคำแปลศัพท์เป็นภาษาไทย ถ้าท่านไม่รู้ศัพท์คำไหน ก็เพียงวางเมาส์บนศัพท์คำนั้น ก็จะมีคำแปลภาษาไทยปรากฏทันที แต่เนื่องจากศัพท์ภาษาอังกฤษ 1 คำ อาจจะมีหลายความหมายในภาษาไทย ท่านต้องเลือกเอาหน่อยว่า หลายความหมายที่เขาให้มานั้น ความหมายไหนตรงกับเรื่องที่อ่าน

อย่างนี้เท่ากับมีคนเปิดดิกให้ตลอดเวลา และท่านมีหน้าที่เพียงเลือกความหมายเท่านั่นเอง

ลองอ่านดูนะครับ ผมว่าสนุกทีเดียวแหละ และช่วยพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี

อ่าน Story เวอร์ชั่นโชว์คำแปลศัพท์ คลิกที่นี่ครับ
และเมื่อท่านอ่านเรื่องใดและชอบใจ เมื่อท่าน save ไฟล์ก็จะได้คำแปลที่ปรากฏเมื่อเอาเมาส์วางบนศัพท์นี้ด้วย

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[291] เว็บเรียนภาษาอังกฤษคุณภาพดี ที่สนุกมาก

สวัสดีครับ
ตอนแรกผมกะจะหา picture dictionary ใหม่มาฝากท่านสัก 1 เว็บ

แต่ผมไปเจอเว็บนี้โดยบังเอิญ เขาบอกว่าเป็นเว็บเสียเงิน แต่ผมลองเล่นไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เห็นเขาเรียกเก็บเงิน เว็บนี้ดีและสนุกทุกอย่างเลยครับ จนผมไม่ขอแนะนำว่าในเว็บมีอะไรดีบ้าง เพราะถ้าแนะนำก็ต้องหยิบมาแนะนำทุกอย่าง คงไม่ไหวแน่ ท่านลองเข้าไปเรียน รู้ เล่น ด้วยตัวเองแล้วกันครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะเล่นได้นานเท่าไร เพราะเขาบอกไว้ว่า เว็บของเขาไม่ใช่เว็บฟรี
http://www.esclub.gr/default_main.asp?rr=38188389

ส่วน picture dictionary ที่ตั้งใจหาครั้งแรก ที่ได้มาอยู่ข้างล่างนี้ ถ้าท่านสนในลองเลือก ๆ คุ้ย ๆ ดู อาจจะเจอเว็บดี ๆ ที่ถูกใจท่านมาก ๆ ก็ได้ คลิก

แต่จริง ๆ แล้วใน Blog นี้ ก็รวบรวมไว้มากพอสมควรแล้วที่นี่ครับ
[42] รวม picture dictionary online
การศึกษาภาษาอังกฤษจากภาพ

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[290] เว็บดี ใช้ไม่เป็น ก็ไร้ประโยชน์

สวัสดีครับ
จากประสบการณ์ที่ทำหน้าที่เป็น blog writer มานานกว่าปีครึ่ง ผมได้พบเว็บเรียนภาษาอังกฤษที่ทั้งฟรีและดีมากมาย บางเว็บดีมาก ๆ จนผมรู้สึกว่า เรียนกับเว็บเหล่านี้มีกว่าเรียนกับอาจารย์ฝรั่งตัวเป็น ๆ เสียอีก และสิ่งต่าง ๆ ที่เว็บให้ดาวน์โหลด ไม่ว่าจะเป็น text, รูปภาพ, animation, mp3, วีดิโอ, ไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ ที่อยู่ในรูปบทสอน แบบฝึกหัด test เกม หรืออะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ ที่ให้เราใช้โดยไม่ต้องจ่ายเงินนี้ หลายต่อหลายครั้งมีคุณภาพดีมากกว่าของที่ต้องเสียเงินซื้อจากท้องตลาดเสียอีก

แต่... แต่... ผมกำลังจะบอกท่านว่า สมมุติว่าขณะนี้ท่านผ่านขั้นตอนการค้นหาเว็บ และมีเว็บที่ดีมาก ๆ อยู่ข้างหน้าท่านบนจอคอมพิวเตอร์ขณะนี้ ท่านก็ยังต้องเรียนรู้เทคนิคบางประการซึ่งจะช่วยให้ท่านใช้ประโยชน์ที่เว็บมีอยู่ได้อย่างเต็มที่ ถ้าท่านใช้ไม่เป็น เว็บก็ไร้ประโยชน์ หรือมีประโบชน์น้อยเกินไป

ผมจะค่อย ๆ ไล่ไปทีละข้อนะครับว่า ในการใช้ประโยชน์จากเว็บให้ได้เต็มที่ ท่านจะต้องรู้อะไรบ้าง

[1] ดูหน้าตาโดยทั่วไปของเว็บเป็นอันดับแรก
- หลีกเลี่ยงโฆษณา: ท่านต้องรู้ว่า เว็บส่วนใหญ่ไม่ว่าจะดีแสนดีปานใด ก็มักจะต้องหารายได้จากการทำเว็บของเขา ซึ่งมักจะเป็นโฆษณาหรือการขายสินค้าที่แฝงมาในรูปแบบต่าง ๆ ถ้าท่านพบบริเวณในหน้าเว็บที่มีข้อความทำนองนี้ Ads by Google, Ads by…., Price:$ 20.00, Store, Paypal, Payment, หรือเป็น banner พาดตามแนวขวางของหน้า ที่มีสีสัน ภาพเคลื่อนไหว หรือดีไซน์เตะตาน่าสนใจ ให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนเลยว่า นี่คือโฆษณา ถ้าท่านไม่อยากจะยุ่งก็อย่าไปเผลอคลิกเข้า จะเสียเวลาเปล่า ๆ

- สังเกตการจัดเมนูของหน้าเว็บ หรือ Homepage: ถ้าหน้าแรกที่ท่านกำลังชมอยู่ขณะนี้ไม่ใช่หน้าแรก หรือ Homepage ให้ท่านพยายามมองที่แถบบนของหน้า ซึ่งจะมีคำว่า Home หรือหน้าแรก ที่หน้าแรกนี้ เป็นเหมือนหน้าร้านขายของที่เจ้าของร้านพยายามจัดให้น่าสนใจดึงดูดลูกค้าหรือผู้ชมให้มากที่สุด บางเว็บก็จัดเรียบ ๆ บางเว็บก็จัดยุ่งเหยิง แต่ที่เห็นบ่อย ๆ คือ ถ้าไม่จัดเป็นแนวตั้ง 2 – 3 คอลัมน์ ก็จัดเป็นแนวนอน บางเว็บเอาลิงค์หัวข้อที่สำคัญพาดเป็นแถบไว้ที่ตอนบนของหน้า บางเว็บก็เรียงไว้เป็นบรรทัด ๆ ที่คอลัมน์ด้านซ้ายหรือขวาของหน้า ท่านน่าจะยอมเสียเวลาสักนิดเพื่อศึกษาองค์ประกอบของ Homepage หรือหน้าร้าน ซึ่งเขามักจะวางโชว์สิ่งที่เขาอยากให้เราสนใจมากที่สุดไว้ ณ ตำแหน่งที่เห็นง่ายหรือสะดุดตามากที่สุด บางเว็บก็มีลูกเล่นเยอะโดยพยายามจัดของฟรีหรือของที่เขาพยายามจะขายผสมปนเปกันจนแทบจะแยกไม่ออก ขอให้ท่านใช้ความสังเกตมากเป็นพิเศษ เพื่อจับให้ได้ว่า ที่ Homepage หรือ หน้าแรกนี้ เขาวางลิงค์หรือจัดประตูต่าง ๆ ไว้ตรงไหนบ้างให้เราคลิกเพื่อเปิดเข้าไปดูเนื้อในของเว็บนี้ คำที่ท่านควรให้ความสนใจเป็นพิเศษในหน้าแรกนี้ คือคำว่า Menu, หรือ Directory ซึ่งมักอยู่ตอนบนของหน้า และคำว่า Site Map ซึ่งหากไม่อยู่ตอนบนก็มักจะอยู่ตอนล่างสุด 3 ลิงค์นี้จะเป็นคล้าย ๆ “สารบัญ” ให้เราเห็นเนื้อหาหรือโครงสร้างทั้งหมดของเว็บนี้ แต่บางเว็บก็ไม่มี 3 ตัวนี้ หรือมีไม่ครบ

[2] ใช้ช่อง Search หาสิ่งที่ต้องการ:
แม้ว่าเราจะคลิกดูตามลิงค์หัวข้อต่าง ๆ ที่เขาจัดโชว์ไว้ แต่เว็บบางเว็บมีเนื้อหาด้านในเป็นร้อย ๆ หน้า หลายครั้งที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า เนื้อหาที่เราต้องการมันซุกซ่อนอยู่ที่หน้าไหนมุมไหนของเว็บ ทางเว็บก็เลยมีช่อง Search ให้เราพิมพ์ key word เพื่อค้นหา และ Search นี้มักจะเป็นบริการของ Google คือให้ Google ค้นหาเฉพาะเว็บนี้เว็บเดียวเท่านั้น แต่เทคนิคในการใช้ Google Search นี้มีมากมาย ถ้าใช้ได้ครบจะมีประโยชน์อย่างมหาศาล ของดีหลายอย่างมีอยู่ในเว็บนั้นแหละ แต่เพราะค้นไม่เป็นก็เลยหาไม่เจอ ขอให้ท่านศึกษา 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ และอะไรต่ออะไรที่ท่านเคยหาไม่พบ ก็จะพบล่ะครับคราวนี้
[460] 'เทคนิคการสืบค้น Google อย่างมืออาชีพ'
[123] Search ยังไงให้เจอทุกครั้ง?

[3] การ Save หรือ download
ผมขอแนะนำวิธีการ Save หรือ Download ขั้นพื้นฐาน ดังนี้ครับ
- ถ้าท่านต้องการ save ข้อความทั้งหน้า เมื่อท่านกด File, Save as, ตรง Save as type นั่นแหละครับ ถ้าท่านเลือก Web Archive Single File ไฟล์ที่ท่าน Save จะมีทั้งภาพและข้อความอยู่ในไฟล์เดียวกัน เพื่อท่านเอาไฟล์นี้ไป print ก็จะมีครบทั้งรูปและข้อความ, แต่ถ้าท่านเลือก Webpage HTML only ไฟล์ที่ save ก็จะมีแต่ข้อความไม่มีรูป
- ถ้าท่านต้องการ save เฉพาะรูปภาพรูปใดรูปหนึ่งเท่านั้น ให้ท่านคลิกขวาที่รูปนั้น และคลิกซ้าย Save Picture As…
- ไฟล์ที่มีจนาดใหญ่ และ save (download) ยากและใช้เวลานาน คือไฟล์เสียง mp3, ไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ, ไฟล์ขนาดใหญ่ซึ่งบีบอัดไว้ที่เรียกว่าไฟล์ zip ไฟล์พวกนี้ เมื่อเราพบลิงค์และต้องการจะดาวน์โลดไฟล์เก็บไว้, จะมีวิธีการ save หรือ download ต่างจากข้างบนซึ่งเป็นไฟล์ขนาดเล็ก คือให้ท่านคลิกขวาที่ลิงค์นั้น และคลิกซ้าย Save Target As… และหาที่ save ไว้ในเครื่อง
- ส่วนการดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอ ซึ่งเป็นประเภทไฟล์ขนาดใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิดีโอจากเว็บ http://www.youtube.com/ เชิญ คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ

[4] การ save ข้อมูลเก่า ๆ จากเว็บที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบ่อย ๆ :
บางเว็บ เช่นเว็บข่าว มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลแทบทุกวัน และข้อมูลที่เก่ามาก ๆ ทางเว็บเขาก็ไม่ได้เก็บเอาไว้ เพราะมันเปลืองเนื้อที่ของเขา แต่ถ้าเราอยากได้ข้อมูลเดิม ๆ ที่เขาอาจจะโละทิ้งไปแล้ว เราจะทำยังไง เชิญท่านอ่านรายละเอียดได้จากลิงค์นี้ครับ [357] ค้นหาไฟล์เก่าที่ถูกลบทิ้งแล้วจากเว็บไซต์

[5] ต้องการหาเว็บที่ดีคล้าย ๆ กัน จะหาได้ยังไง:
บางทีเราพบเว็บที่ถูกใจเรามาก ๆ และเราก็อยากได้เว็บอื่น ๆ ที่คล้าย ๆ กับเว็บอย่างนี้ เราจะหาได้ยังไง ผมเขียนเรื่องนี้ไว้แล้วที่นี่ครับ [39] เว็บดีที่เว็บดีแนะนำ - เว็บที่ดีคล้าย ๆ กัน
[6] ตัดปัญหาการไม่รู้ศัพท์
ถ้าเราไม่อ่านเว็บฝรั่ง เพราะปัญหาคือไม่รู้ศัพท์เลยอ่านไม่รู้เรื่อง และก็ไม่อ่านมัน ปัญหานี้จะหมดไปทันทีถ้าเราลงโปรแกรมที่เมื่อคลิกที่คำศัพท์ก็จะปรากฏคำแปลให้เราเห็นทันที และจากนี้ไปไม่ว่าเว็บฝรั่งไหนก็ตาม ก็จะไม่เป็นปัญหาเรื่องศัพท์อีกต่อไป อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ
[273] จะเก่งอังกฤษ ต้องมี Dict. เป็น Buddy
[277]โปรแกรมแปลง pdf เป็น word,แปลง word เป็น pdf

[7] โปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้
เว็บบางเว็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บเพื่อการศึกษาภาษาอังกฤษที่ผมแนะนำใน blogนี้ จะต้องเปิดด้วยโปรแกรมเฉพาะ เช่น โปรแกรมฟังไฟล์ mp3, โปรแกรมดูวีดิโอ, โปรแกรมขยายไฟล์ zip, โปรแกรมอ่านและสร้างไฟล์ pdf ท่านสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมพวกนี้ได้จากที่นี่ครับ
- คลิกที่ ลิงค์นี้ และอ่านข้อ 12
- [324] โปรแกรมที่ควรมีไว้เพื่อใช้งาน Blog นี้
- [236]แก้ปัญหาWindows Media Player เปิดวีดิโอไม่ได้...

[8] ชอบ ลิงค์ใด ให้ทำ Favorite ไว้เลย
หลายครั้งเราไปเจอเว็บที่ชอบใจ วันหลังกลับไปหาอีกแต่จำไม่ได้และหาไม่พบ วิธีที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหานี้ คือทำ Favorite ไว้เลย

Tip เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เล่ามานี้ น่าจะช่วยให้ท่านสามารถใช้ประโบชน์จากเว็บที่ดีได้เต็มที่มากขึ้นนะครับ

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

[289]การรู้ศัพท์เป็นหัวขบวนของการศึกษาภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับ
เราทุกคนรู้อยู่ว่า ในการเรียนภาษาไม่ว่าภาษาอะไรก็ตาม เราเรียนอยู่ 4 อย่าง คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน และถ้าถามว่าอะไรล่ะที่เป็นฐานของการฟังพูดอ่านเขียนนี้ ถ้าให้ผมตอบตามประสาผม ผมก็จะตอบว่า ฐานของการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน มีอยู่ 2 อย่าง คือ ศัพท์กับไวยากรณ์ และถ้าถามต่อไปอีกว่า ระหว่างศัพท์กับไวยากรณ์ อะไรสำคัญกว่า ข้อนี้ตอบได้โดยไม่ต้องคิดเลย ศัพท์สำคัญกว่าแน่ ๆ และสำคัญกว่าหลายเท่าด้วย ถ้าศัพท์สำคัญเท่าลูกฟุตบอล ไวยากรณ์ก็จะโตประมาณหัวเข็มหมุด

เรื่องการเรียนรู้ศัพท์มิใช่การเปิดดิกชันนารีท่องเอา ๆ การรู้ศัพท์แปลว่า ‘จำได้และใช้เป็น’ มันเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน เด็ก ๆทารกฟังแม่พูดและก็พูดกับแม่ พอโตขึ้นเข้าโรงเรียนก็อ่านหนังสือและเขียนหนังสือตามที่ครูสอน จึงเห็นได้ชัดว่า ‘ศัพท์’ มิได้ลอยอยู่ในอวกาศโดด ๆ แต่ศัพท์จะสัมพันธ์กับการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน อย่างแนบแน่น ยิ่งฝึกฟัง-พูด-อ่าน-เขียนมากเท่าใด ก็จะยิ่งรู้ศัพท์มากเท่านั้น ยิ่งรู้ศัพท์มากเท่าไร ก็จะยิ่งสามารถฟัง-พูด-อ่าน-เขียนได้ดีเท่านั้น ผมเคยอ่านงานวิจัยของฝรั่งนานมาแล้วซึ่งค้นพบว่า คนที่ประสบความสำเร็จในงานอาชีพสูงกว่าคนทั่วไป โดยเฉลี่ยมักจะรู้ศัพท์มากกว่าคนทั่วไป (คือทั้งจำศัพท์ได้และใช้ศัพท์เป็น)

ขอกลับมายังคำบ่น classic ที่ได้ยินกันโดยทั่วไปว่า คนไทยเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิบปีก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วเราก็บอกว่า ก็สอนกันแต่แกรมมาร์ ไม่มีโอกาสได้ฝึกสนทนา(กับฝรั่ง) มันจะพูดได้ยังไงล่ะ นี่ก็คือสรุปว่า เราไม่ได้ฝึกฟังและพูดอย่างเพียงพอ แต่ผมขอถามว่า แล้วอีก 2 อย่างคืออ่านกับเขียนล่ะ เราได้ฝึกฝนอย่างมากเพียงพอหรือเปล่า ถ้าตอบอย่างซื่อสัตย์ก็ต้องบอกว่า ก็ไม่ได้อ่านมากมายอะไร ส่วนการเขียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยิ่งน้อยลงไปอีก ก็เป็นอันว่า ทั้งฟัง – พูด – อ่าน – เขียน คนไทยเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นสิบปี ใน 4 อย่างนี้ ก็ไม่ได้ฝึกให้ชำนาญสักอย่าง แต่เรากลับไปให้ความสำคัญกับแกรมมาร์ซึ่งมีความสำคัญน้อยที่สุด เพราะจริง ๆ แล้ว แกรมมาร์หรือหลักภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม มันมาพร้อมกับการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน คนไทยฟังพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้ถูกต้องโดยไม่ต้องเรียนหลักภาษาไทย หรือเรียนนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอ เหมือนกับที่ฝรั่งไม่ต้องเรียนแกรมมาร์ก็ใช้ภาษาของเขาได้โดยไม่ผิดแกรมมาร์

แต่เมื่อพูดว่าเราต้องให้ความสำคัญกับการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน มากกว่าแกรมมาร์ ก็แปลว่าเราจะต้องเรียนรู้ศัพท์ คือจำศัพท์ได้และใช้ศัพท์เป็นไปพร้อมๆ กับการฝึกฝน 4 ทักษะนี้ ซึ่งหมายความว่า สมมุติมีศัพท์พื้นฐานอยู่ 10 คำ กว่าที่เด็กหัดพูดคนหนึ่งจะฟัง 10 คำนี้จนจำได้ – พูดได้ – และใช้เป็น เขาจะต้องได้ฟังและหัดขยับปากพูดตามเป็นร้อย ๆ พัน ๆ ครั้ง จึงจะสามารถพูดได้ และพูดได้อย่างที่อยากจะพูด

แต่ที่เราบอกว่าเด็กต้องฟังเป็นร้อย ๆ พัน ๆ ครั้งนั้น เด็กคนนั้นไม่ได้ฟังเฉพาะเพียงคำศัพท์คำนั้นคำเดียว แต่เป็นศัพท์คำนั้นที่ผสมกับคำอื่น อาจจะเป็นวลีสั้น ๆ หรือประโยคสั้น ๆ หรือยาว ๆ ก็แล้วแต่ แต่โดยสรุปก็คือ เด็กได้เรียนรู้คำศัพท์และตัวอย่างการใช้คำศัพท์ในรูปวลีหรือประโยคไปพร้อม ๆ กัน นาน ๆ เข้า เด็กก็จะฟังศัพท์เข้าใจ จำศัพท์ได้ และใช้ศัพท์เป็น

ย้อนกลับมาเมืองไทยอีกที เมื่อเราต้องยอมรับว่าเราไม่มีครูสอนภาษาอังกฤษที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว แต่เรื่องอ่านกับเขียนล่ะเรามีครูที่เก่ง ๆ ไหม (ท่านตอบเอาเองก็ได้ครับ) และเด็กไทยเรามีโอกาสมาก ๆ ไหมในการฝึกอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ

ผมขอย้อนไปสมัยก่อนที่เรายังไม่มีครูที่จบมาจากเมืองนอกมาก ๆ สมัยนั้นบางวิชาในระดับมัธยม และหลายวิชาในระดับมหาวิทยาลัย นักเรียนนักศึกษาต้องใช้ตำรา หรือ text ที่เป็นภาษาอังกฤษ นักเรียนนักศึกษาสมัยนั้นจึงอ่านเก่งและเขียนเก่งกว่าเด็กสมัยนี้ซึ่งโชคดี (หรือโชคร้ายก็ไม่ทราบ) ที่ทุกวิชามีตำราภาษาไทยให้เรียน หรือไม่ก็มีอาจารย์เก่ง ๆ แปลตำราภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย นักเรียนนักศึกษาของเราก็เลยไม่ต้องลำบากที่จะต้องขวนขวายอ่านให้รู้เรื่อง ยิ่งเรื่องการเขียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง

แต่ท่านสังเกตไหมว่า บางวิชาในมหาวิทยาลัยในสมัยนี้ที่ยังต้องใช้ตำราภาษาอังกฤษอยู่บ้าง เช่นคณะแพทย์ หรือวิศวะบางวิชา นักศึกษาหรือบัณฑิตจากคณะเหล่านี้จะเก่งภาษาอังกฤษมากกว่านักศึกษาคณะอื่น ๆ เพราะความจริง ก็คือว่า แม้ทักษะทั้ง 4 อย่าง คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน จะดูแยกกัน แต่จริง ๆ แล้วมันก็สัมพันธ์กัน ถ้าท่านเก่งอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็จะจูงให้อีก 4 อย่างเก่งตามไปด้วย ไม่เร็วก็ช้า ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าเล่นไม่ฝึกอะไรให้เก่งสักอย่าง ไม่มีอะไรเป็นหัวขบานนำหน้า - English train ของคนไทยก็จอดนิ่งอยู่บนชานชาลานั่นแหละ ไม่วิ่งไปไหนซะที ผมว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่หลาย ๆ ประเทศในเอเชียที่จนกว่าประเทศไทย และนักเรียนนักศึกษาต้องเข็นตัวเองให้อ่าน text ที่เอามาจากเมืองนอกให้รู้เรื่อง จึงเก่งภาษาอังกฤษมากกว่านักเรียนไทย

ไม่ต้องไปมองสูงขนาดนั้นก็ได้ครับ เอาแค่อินโดนีเซียและเวียดนาม เขาก็เหมือนเมืองไทยนี่แหละที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการหรือภาษาที่สองเหมือนมาเลเซียและฟิลิปปินส์ แต่เขาใช้อักษรโรมันในการขียนภาษาของเขา ไม่ต้องอาศัยนักวิชาการมาบอกเราก็พอจะเดาได้ว่า ในอนาคตถ้า 2 ประเทศนี้จะอาจริงเรื่องภาษาอังกฤษ เขาก็จะไปไกลกว่าเมืองไทยมากกว่าขณะนี้อีกมากในเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ เพราะอย่างน้อยเขาก็คุ้นเคยกับตัวอักษรที่ใช้เขียนภาษาอังกฤษมากกว่าเรา (อย่าตีความไปไกลถึงขนาดว่า ผมอยากให้เมืองไทยในอดีตเป็นเมืองขึ้นอังกฤษนะครับ มิได้หมายความเช่นนั้นเลย)

เอาละ ที่พูดมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของอดีตที่ผมต้องการสรุปสั้น ๆ ว่า ขณะนี้ ไม่ว่าเราจะอายุมากหรืออายุน้อย ถ้าเราเห็นว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญ เราก็ต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะคลุกคลีตีโมงใกล้ชิดสนิทสนมกับภาษาอังกฤษให้มากที่สุด ทั้งเรื่องฟัง – พูด – อ่าน – เขียน และถ้าเรามีโอกาสน้อยที่จะพูดและเขียน เราก็ต้องใช้โอกาสที่มีอยู่คลุกคลีกับอีก 2 ทักษะที่เหลืออยู่ คือ อ่านและฟัง ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และขอให้ท่านเชื่อผมอย่างหนึ่งเถอะครับ ถ้าท่านอ่านและฟังให้มาก ๆ พอเวลานั้นมาถึงที่ท่านจะต้องพูดหรือเขียน ท่านจะไม่ลำบากมากนัก เพราะทักษะการฟังและอ่านที่ท่านตุนไว้ จะเป็นหัวขบวนลากให้การพูดและการเขียนเคลื่อนไปตามรางของมันได้ และแม้ผมจะบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า ภาษาอังกฤษถ้าเก่งทักษะใดทักษะหนึ่งก็จะจูงให้อีก 3 ทักษะเก่งตามไปด้วยนั้น อันนี้จริงครับ และถ้าก้มมองให้ใกล้ลงไปอีกนิด การฟังนั้นคือหัวขบวนของการพูด และการอ่านคือหัวขบวนของการเขียน ถ้ามองให้สูงขึ้นไปก็จะมีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะ นักพูดที่เก่ง ๆ ต้องเดินสายไปฟังนักพูดรุ่นพี่มาก่อนเยอะ ๆ และนักเขียนที่เก่ง ๆ ที่จะไม่เป็นนักอ่านนั้นไม่มีหรอกครับ

ผมขออนุญาตยกตัวอย่างตัวเองแล้วกันครับ อย่าหาว่ายกตัวเองเลยนะครับเพราะถ้ายกตัวอย่างคนอื่นมันเห็นไม่ชัด ผมเคยเล่าไว้ 2 – 3 ครั้งใน blog นี้ว่า ตั้งแต่เรียนชั้นประถมจนจบมหาวิทยาลัยผมไม่เลยได้เรียนกับครูฝรั่งแม้แต่คนเดียว และ 10 ปีในช่วงทำงานหลังเรียนจบ ผมแทบไม่เคยฟัง – พูด – เขียน ภาษาอังกฤษแม้แต่ประโยคเดียวเพราะไม่มีโอกาส และสมัยนั้นก็ไม่มีสื่อการเรียนให้ผมหามาฝึกได้ง่าย ๆเหมือนสมัยนี้ แต่ผมอ่าน Bangkok Post หรือ The Nation แทบทุกวัน หลังจากนั้นผมก็ย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ในช่วงแรก ๆ ก็มีปัญหาในการฟัง – พูด – เขียน แต่ต้องขอโม้สักนิดนะครับ ผมปรับตัวและเรียนรู้ได้เร็วมาก ในการฟัง – พูด และเขียน ในเรื่องการฟังผมก็ฝึกแค่สำเนียง เพราะศัพท์และสำนวนผมตุนไว้จากการอ่านมาเนิ่นนานแล้ว ในเรื่องการพูด หนังสือพิมพ์หรือหนังสือ story ง่าย ๆ ที่ผมเคยอ่านบ่อย ๆ ผมก็เอาบทสนทนาในนั้นมาปรับใช้ได้ แต่ถ้าเป็นการพูดบรรยายยิ่งสบายมากเลยครับ เพราะผมปรับมาจากภาษาหนังสือพิมพ์ได้ ส่วนการเขียนอันนี้ยากหน่อย แต่ก็ไม่ยากเข็ญจนเกินไปนัก ก็สำนวนที่เคยอ่านสิ่งที่คนอื่นเขาเขียนจากหนังสือพิมพ์ที่อ่านมานานนั้นสามารถเอามาปรับใช้เป็นสำนวนเขียนของตัวเองได้ ทุกวันนี้เมื่อพูดภาษาอังกฤษ ผมแทบไม่เคยเจอปัญหาต้องหยุดพูดเพราะนึกศัพท์ไม่ออก ผมสามารถแก้ปัญหาโดยเอาศัพท์ง่าย ๆ มาอธิบายเรื่องยาก ๆ ได้ ทั้งหมดทั้งสิ้นเพราะมีทักษะการอ่านที่ตุนมานับสิบปีเป็นฐาน

ผมพูดมาซะยาวและอยากจะสรุปชั้นแรกไว้ก่อนว่า อาจจะมีหลายท่านที่ไม่ชอบอ่าน ท่านก็ต้องหาทางให้ตัวเองได้มีโอกาสฝึกฝนทักษะอื่น ๆ คือ ฟัง หรือพูด หรือเขียน ให้ทักษะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างเป็นทักษะนำขบวน เหมือนรถไฟนั่นแหละครับ ถ้าไม่มีหัวรถจักร รถไฟทั้งขบวนก็เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ จอดอยู่ที่ชานชาลานั่นแหละ

ท่านจะเห็นได้ว่าใน blog นี้ ผมเน้นเรื่องคำศัพท์มากเหลือเกิน แต่ไม่ใช่การเรียนรู้เฉพาะคำศัพท์โดด ๆ ทว่าเป็นการเรียนรู้คำศัพท์ประกอบตัวอย่าง อาจจะเป็นวลีตัวอย่างหรือประโยคตัวอย่างก็ได้ ตัวอย่างเหล่านี้ช่วยให้เรา
(1)จำความหมายของศัพท์ได้
(2)ใช้ศัพท์เป็นในการพูดและเขียน
(3) เรียนรู้และคุ้นเคยกับแกรมมาร์ที่มาพร้อมกับตัวอย่างนั้น ๆ เป็นการเรียนรู้แกรมมาร์ด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งไม่น่าเบื่อ เพราะแม้เราอาจจะอธิบายแกรมมาร์ไม่ได้ แต่ด้วยวิธีนี้เราก็มักจะใช้แกรมาร์ไม่ค่อยผิด

ฉะนั้น ใน blog นี้จึงมีหลายลิงค์ที่ผมชวนให้ท่านศึกษาคำศัพท์พร้อมตัวอย่าง เพราะตัวอย่างคือหัวใจของการศึกษาคำศัพท์ ยิ่งรู้เห็นตัวอย่างการใช้คำศัพท์มากเท่าไร ยิ่งจำได้ใช้เป็นมากเท่านั้น

ท่านสามารถศึกษาได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
[134]ใช้ดิก Babylon.com(+ดิก Loy มีประโยคตัวอย่าง)
[273]ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ได้ จากประโยคตัวอย่าง
[287] ทำสมุดท่องศัพท์ 1500 คำของ VOA
[27] ศึกษาศัพท์อย่างสมบูรณ์:เข้าใจ-จำได้-ใช้เป็น
[60] เปิดประตูเข้าไปดูคลังศัพท์ของฝรั่งทางเน็ต

และวันนี้ผมเจออีก 1 เว็บ คือเว็บนี้
http://www.dicts.info/examples.php
เป็นเว็บดิกชันนารีตัวอย่าง คือเมื่อท่านพิมพ์คำอะไรก็ตามลงไป เขาจะไม่โชว์ความหมายของคำศัพท์หรืออะไรทั้งนั้น แต่จะโชว์ตัวอย่างล้วน ๆ หลาย ๆ ตัวอย่าง เป็นตัวอย่างที่ใช้ศัพท์ง่าย ๆ ใช้โครงสร้างประโยคง่าย ๆ ท่านสามารถพิมพ์คำง่าย ๆ ที่ท่านรู้ความหมายดีแล้วลงไป และศึกษาตัวอย่างที่เว็บนี้แสดง และอย่างที่ผมบอกแล้วว่ามักจะเป็นตัวอย่างง่าย ๆ ท่านจึงสามารถเอาตัวอย่างนี้ไปประยุกต์หรือดัดแปลงเพื่อใช้ในการพูดหรือการเจียนได้อย่างไม่ลำบากนัก แต่ถ้าบางทีมีประโยคหรือวลีตัวอย่างที่ยากและง่ายปนกัน ท่านจะเลือกศึกษาประโยคง่าย ๆ ก่อนก็ได้

หรือถ้าท่านต้องการหานิยาม หรือ definition จากดิกชันนารีในเว็บเดียวกันนี้ ก็ไปที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.dicts.info/define.php

ดึกแล้ว ขอนอนก่อนละครับ คืนนี้ผมนอนหลับสบายแน่ เพราะได้พูดสิ่งที่อยากพูดไปจนเกลี้ยงแล้ว

สวัสดีครับ – พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

ลิงค์แนะนำ
[135]ทำ Test-เล่น Game(ทวนศัพท์เก่า-เพิ่มศัพท์ใหม่)

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[288]ขอไฟล์หนังสือภ.อังกฤษที่ท่านต้องการได้ที่นี่

สวัสดีครับ
ที่ลิงค์นี้ [281]ดาวน์โหลดหนังสือดี & ฟรี ที่เพิ่งวางตลาด ผมได้รวมเว็บที่ท่านสามารถเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์หนังสือภาษาอังกฤษได้อย่างมากมายมหาศาล ทั้งหนังสือเก่าและหนังสือใหม่ หลาย ๆ เล่มเป็นหนังสือใหม่มากที่ผมเพิ่งไปเจอวางขายในร้านหนังสือในกรุงเทพนี่แหละ แต่ท่านสามารถเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์หนังสือราคาแพง ๆ จากเว็บที่ผมแนะนำไว้ข้างต้นนี้ และผมได้แนะนำวิธีการดาวน์โหลดไว้อย่างละเอียดแล้ว

ผมเคยเขียนแนะนำไว้ว่า “มีอยู่อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ คือ สำหรับท่านที่ชอบอ่านหนังสือแปล ซึ่งก็มักจะแปลจากนิยายดัง ๆ ของฝรั่ง ถ้าท่านอ่านฉบับที่แปลเป็นภาษาไทยจบแล้ว และมาอ่านภาษาอังกฤษ หรือท่านจะอ่านภาษาอังกฤษก่อน ถ้าสงสัยจึงค่อยเปิดดูภาษาไทย หรือจะอ่านเทียบอังกฤษและไทยไปพร้อม ๆ กัน ทำอย่างนี้ก็น่าจะช่วยพัฒนา reading skill ขึ้นเยอะทีเดียว

และเว็บที่ผมแนะนำข้างต้นก็คือแหล่งที่ท่านอาจจะหาไฟล์หนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านเทียบกับหนังสือแปลภาษาไทยที่ท่านมีอยู่ในมือก็ได้ ถ้าท่านโชคดี คือเว็บที่ผมบอกไว้เขามีให้ท่านดาวน์โหลด

และแม้ว่าจะเป็นหนังสือที่ไม่ได้มีการแปลเป็นภาษาไทย เช่น ตำราทางวิชาการต่าง ๆ หรือหนังสือสารคดี หรือหนังสือที่ไม่ใช่นิยายที่ฝรั่งเรียกว่า non-fiction หากท่านรู้ชื่อหนังสือหรือชื่อผู้แต่งเป็นภาษาอังกฤษ ท่านก็ลองพิมพ์ค้นดูก็ได้ ท่านอาจจะได้ไฟล์หนังสือคุณภาพดี มาอ่านฟรี ๆ ก็ได้

ผมลองพิมพ์เล่น ๆ คำพวกนี้ลงไป คือ management, how to, ways to, computer, speaking, grammar, TOEFL, TOEIC, vocabulary, idioms, short stories ไปที่เว็บนี้ http://www.4shared.com/ (อ่านวิธีใช้เว็บ ที่นี่ ) ก็พบว่ามีหนังสือภาษาอังกฤษที่น่าสนใจเกี่ยวกับหัวข้อที่พิมพ์ลงไปให้เลือกเยอะแยะเลยครับ

ผมขอเชิญชวนให้ท่านลองเข้าไปดาวน์โหลดหนังสือภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นนิยาย ตำรา หรือหนังสืออะไรก็ตามมาอ่านเล่น ๆ สักเล่มหนึ่ง(หรืออ่านจริงก็ได้ครับ) ซึ่งที่ลิงค์ [281]ดาวน์โหลดหนังสือดี & ฟรี ที่เพิ่งวางตลาด ผมได้แนะนำเว็บที่จะดาวน์โหลดและวิธีการดาวน์โหลดไว้อย่างละเอียดแล้ว

แต่... แต่นะครับ.... ถ้าท่านใดได้พยายามจนสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังหาหนังสือที่ท่านต้องการไม่พบ จะให้ผมช่วยหาอีกแรงหนึ่งก็ได้ครับ โดยก็ให้ท่านแจ้ง ชื่อหนังสือ และ ชื่อผู้แต่ง เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งสะกดอย่างถูกต้องไว้ที่นี่ โดยมีเงื่อนไขว่า
[1] ท่านได้พยายามหาเองจนสุดความสามารถแล้ว แต่หาไม่พบ
[2] ขอให้ท่านแจ้งผมทั้งชื่อหนังสือ และชื่อผู้แต่ง โดยสะกดเป็นภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง
[3]
ผมไม่ขอรับปากว่าจะหาให้ท่านได้หรือไม่ หรือจะได้เมื่อไร แต่ขอบอกว่า ผมจะพยายาม

ถ้าในชีวิตนี้ ท่านยังไม่เคยอ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่เป็นต้นฉบับแท้ ๆ จบสักเล่มเดียว ลอง start วันนี้เลยครับ หาให้พบหนังสือภาษาอังกฤษที่ท่านชอบสักเล่มหนึ่ง เริ่มจากเล่มง่าย ๆ ก่อนก็ดีครับ

ในการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ผมได้แนะนำ 2 ตัวช่วยไว้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้
(ลองลงทุนศึกษาตัวช่วยนี้ดูนะครับ - ช่วยได้จริง ๆ )
[273] จะเก่งอังกฤษ ต้องมี Dict. เป็น Buddy
[277]โปรแกรมแปลง pdf เป็น word,แปลง word เป็น pdf
ซึ่งจะช่วยให้ความพยายามที่จะพัฒนา reading skill ของท่านง่ายขึ้นเยอะ

ลองพยายามดูสักตั้งนึงเถอะครับ ผมขอรับประกันว่าคุ้มค่าจริง ๆ

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[287] ทำสมุดท่องศัพท์ 1500 คำของ VOA

สวัสดีครับผมเคยแนะนำท่านผู้อ่านว่า เว็บ VOA หรือ Voice of America เป็นเว็บที่มีประโยชน์มาก ในการช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษ ทั้งการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน ลักษณะเด่น คือ เขาใช้ศัพท์เพียง 1500 คำเท่านั้นในการเขียนหรืออ่านข่าวที่เว็บของเขา ฉะนั้นใครก็ตามที่รู้สึกว่าตัวเองรู้ศัพท์ไม่เยอะจึงพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้ น่าจะไม่จริง น่าจะเป็นว่าเราไม่รู้จะเอาศัพท์มาผูกประโยคเพื่อพูดหรือเขียนให้สื่อสารได้ น่าจะเป็นอย่างหลังนี้มากกว่า
ขอเชิญท่านเข้าไปดูที่ 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
[41] จำศัพท์วิ่ง 1,500 คำ จากหน้าคอมฯ
[55] ศึกษาอังกฤษจาก Voice of America ลิงค์นี้มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ทำเยอะ

และวันนี้ผมมีสิ่งใหม่มาเสนอ คือ ผมไปได้ไฟล์ศัพท์ 1500 คำของ VOA ที่เขามีประโยคตัวอย่างให้ทุกคำ และทุกความหมาย สำหรับท่านที่ต้องการพัฒนาคำศัพท์เริ่มไปตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ถ้าเป็นไปได้ ผมขอแนะนำให้ท่าน Print ไฟล์ข้างล่างนี้ประมาณ 130 หน้า ถ้า print หน้า-หลัง ก็จะประมาณ 65 แผ่นเท่านั้น และเย็บเล่ม ถือเป็นคู่มือติดตัว โดยตั้งใจว่าจะต้องจำ 1500 คำนี้ให้ได้ ภายในระยะเวลาเท่านั้นเท่านี้ อาจจะกำหนดเป็นช่วง ๆ ก็ได้ เช่น สัปดาห์นี้กี่คำ สิ้นเดือนนี้ต้องจำให้ได้กี่คำ

ประโยคตัวอย่างที่เขาให้มานั้นมีประโยชน์มาก ขอให้ท่านจำศัพท์พร้อมศึกษาประโยคตัวอย่าง รวมทั้งอาจจะศึกษาแกรมมาร์ของประโยคไปด้วยก็ได้ ถ้าพยายามจำแต่คำศัพท์โดด ๆ จะจำได้ช้าและลืมได้เร็ว แต่ถ้ามีประโยคตัวอย่างช่วยเหลือจะจำได้เร็วและจำได้นาน

ในการศึกษา ให้ท่านสังเกตชนิดของคำศัพท์ด้วย เช่นคำว่า light มี 4 ความหมาย (ที่จริงมีมากกว่านี้ แต่ VOA เขาหยิบมาเฉพาะ 4 ความหมายที่ใช้บ่อยที่สุด) ความหมายที่ 1 และ 2 เป็นคำ noun ส่วนความหมายที่ 3 กับ 4 เป็นคำ adjective เขาไม่ได้บอกไว้ แต่ท่านต้องสังเกตเอาเอง และตัวเลขหลังประโยคตัวอย่าง ก็สอดคล้องกับเลขลำดับของความหมาย ท่านอาจจะเอาดินสอเขียนความหมายภาษาไทยกำกับไว้ด้วยก็ได้

light [(1) a form of energy that
affects the eyes so that one is able
to see; (2) anything that produces
light; (3) bright; (4) not heavy]

We could see the island clearly in
the sun's light. (1)
Please leave the light on when you
go. (2)
The room was painted light blue. (3)
She said her bag was light, but I could not lift it. (4)
ท่านไม่จำเป็นต้องจำเรียงไปตามลำดับ เลือกจำคำที่ต้องการจำก่อน เช่น คำที่เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่แน่ใจความหมายและจำไม่ค่อยได้ และค่อยขยับไปหาคำที่แปลกหน้ามากขึ้น ๆ


คลิก  ลิงค์ใดลิงค์หนึ่งข้างล่างนี้



ผมขอยืนยันว่า ศัพท์ 1500 คำของ VOA นี้ เป็นศัพท์พื้นฐานในภาษาอังกฤษจริง ๆ ถ้าท่านจำได้และใช้เป็น ท่านจะสามารถพูดคุยสื่อสารได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ และทุกคำที่ท่านออกแรงจำท่านจะได้ผลลัพท์คุ้มค่า – เกินค่า แน่นอน เชื่อผมเถอะครับ ผมไม่กล้าโกหกหรอก มันบาป

เพิ่มเติม: เว็บแสดงประโยคตัวอย่าง เพียงพิมพ์ key word ลงไป
http://www.natcorp.ox.ac.uk/

พิพัฒน์pptstn@yahoo.com

[286] ฝึก 900 ประโยคสนทนาขั้นพื้นฐาน (mp3+text)

สวัสดีครับ
ไฟล์ mp3 พร้อม text ซึ่งท่านสามารถดาวน์โหลดได้จากข้างล่างนี้ รวบรวมประโยคสนทนาขั้นพื้นฐาน ทั้งสิ้น 900 ประโยค ที่ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นประโยคสั้น ๆ และใช้ศัพท์ง่าย ๆ พูดด้วย speed ปกติของเจ้าของภาษา mp3 ทั้งไฟล์มีความยาวประมาณ 50 นาที

ท่านจะใช้วิธี
1.
คลิก play และฟัง
2. คลิก pause และฝึกพูดตาม
หรือวิธีอื่นใดก็ตามสะดวกของท่าน แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ถ้าฝึกฟังให้ชินหู และฝึกพูดให้ชินปาก มีประโยชน์ต่อท่านแน่ ๆ ครับ หรือจะฝึกพร้อม ๆ กับเพื่อนหลาย ๆ คนก็ดีครับ ไม่เหงา

คลิกดาวน์โหลด mp3 และ Text(ขนาดประมาณ 20 MB)

อนึ่ง สำหรับท่านที่มีปัญหาในการดาวน์โหลดจากเว็บ 4shared.com - ลองไปดาวน์โหลดที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.upload-thai.com/download.php?id=3fc87dd673e6e6c5eeb2dc23df6086c2

http://www.scribd.com/doc/17281675/English-900-Conversation-Basic-Sentenses


พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[285]ดาวน์โหลดนิยายภ.อังกฤษ 4 เล่มของ แดน บราวน์


ดาวน์โหลด นิยาย Best Sellers 6 เล่มของ แดน บราวน์

[284] ดูภาพ – อ่านข่าว เขาพระวิหาร

สวัสดีครับ
เรื่องเขาพระวิหารกำลังเป็นข่าวที่ hot สุด ๆ วันนี้ผมเอาทั้งภาพและเนื้อข่าวภาษาอังกฤษมาให้ท่านดูและอ่าน

เชิญครับ...

(1) จาก BBC

(2) จาก csmonitor.com
มีทั้งหมด 12 ภาพ. ดูภาพและอ่านเนื้อข่าว. และคลิก Next ไปเรื่อย ๆ

(3) จาก thaiphotoblogs.com

(4) จาก นสพ, The Nation (พิมพ์คำว่า preah vihear ลงในช่อง Quick Search และคลิก GO! )
http://www.nationmultimedia.com/specials/nationphoto/

(5) จาก Yahoo เรียงภาพจากปัจจุบัน ย้อนหลังไปเรื่อย ๆ
คลิก 1 และ 2

(6) จาก Google

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

[283] เรื่องส่วนตัวที่ผมอยากเล่า

สวัสดีครับ
ผมเริ่มทำ Blog นี้มาตั้งแต่ปลายปี 2549 ตลอดช่วงเวลากว่าปีครึ่งที่ผ่านมานี้ ผมมีความสุขมากกับการหาเรื่องมาเขียน และมีความสุขมากขึ้นเมื่อมีท่านผู้อ่านบอกว่าได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ผมเขียน  

ผู้อ่านหลายท่านที่เขียนถึงผมผ่าน Blog นี้หรือทางอีเมลแม้จะไม่ได้ลงชื่อหรือลงชื่อสมมุติ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกับท่านผู้อ่าน ในใจผมรู้สึกใกล้ชิด แม้ความรู้สึกใกล้ชิดนี้จะเป็นนามธรรมที่ชั่งตวงวัดไม่ได้ก็ตาม

ก่อนที่จะมาเขียน Blog นี้ ระหว่างปี 2546 – 48 ผมเคยเขียนแนะนำเว็บเรียนภาษาอังกฤษ ส่งไปลงที่เว็บบอร์ดของ www.budpage.com โดยใช้ชื่อ 'KLMN' แต่ตอนหลังเลิกเขียนเพราะผมเขียนไปลงบ่อยเกินไปจนแย่งเนื้อที่ post ของผู้อ่านท่านอื่น และทำให้เว็บบอร์ดของ budpage.com ด้อยความหลากหลาย เพื่อตัดปัญหาผมจึงหยุดส่งไปลงที่นั่น แต่ประโยชน์ยิ่งใหญ่ที่ได้รับจากการเขียนลงที่เว็บบอร์ดของ budpage.com ก็คือ ผมได้ฝึกการ Search หาเว็บเรียนภาษาอังกฤษที่ต้องการได้เร็วขึ้น มากขึ้น และตรงตามที่ต้องการมากขึ้น ทักษะที่ได้มานี้เป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อผมมาทำ blog นี้

ท่านที่เข้ามาอ่านเว็บนี้บ่อย ๆ จะสังเกตได้ว่า ผมแทบไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับตัวเองไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนข้อมูลของผู้ทำ blog หรือในข้อเขียนที่ post อาจจะแทรกบ้างก็มีเพียงประสบการณ์ในการเรียนหรือใช้ภาษาอังกฤษของผมเพื่อ ประกอบการอธิบาย เหตุผลสั้น ๆ ตรง ๆ ก็คือ ผมไม่อยากให้ท่านผู้อ่านต้องเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการ เรียนภาษาอังกฤษของท่าน ท่านจะได้ไม่ต้องเผลอไปอ่านหรือเผลอไปคลิกให้เสียเวลา
  
แต่เมื่อเดือนที่แล้วผมไม่สบาย น่าจะเรียกว่าไม่สบายมาก มันคงเป็นผลรวมของหลายโรครวมกัน คือ เบาหวานชนิดฉีดอินซูลินที่เป็นมา 20 ปี ความดันโลหิตสูงที่กินยาประจำมาครึ่งปี กล้ามเนื้ออักเสบที่ปุบปับเป็นทันทีที่ซีกซ้ายของร่างกาย กระเพาะอาหารเป็นแผลนิดหน่อยซึ่งตรวจพบหลังส่องกล้อง โรคตาที่ต้องฉายแสงเลเซอร์ 2 – 3 ครั้ง มันรวมพลังแสดงอาการพร้อมกันทันทีทำให้ผมไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ผมก็เลยพักงานที่ทำประจำที่ office และที่ blog นี้

แต่แม้ผมจะไม่ได้บอกท่านผู้อ่านว่าผมเป็นอะไร แต่ข้อความแสดงความเป็นห่วงมากมายที่ได้รับจากท่านผู้อ่านทั้งที่ผ่าน Blog และอีเมลทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งใจ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ ไม่ใช่เพื่อนก็เหมือนเพื่อน เหมือนเป็นทั้งเพื่อนและญาติ

ผมมาคิดอีกที ผมเขียนข้อความใน blog นี้มากว่า 700 เรื่องแล้ว ถ้าจะเอาเรื่องส่วนตัวมาเขียนแทรกลงไปสักเรื่องหนึ่ง ท่านผู้อ่านคงไม่ว่าอะไร อาจจะถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากเรื่องแนวเดิม ๆ ที่อ่านอยู่ประจำก็ได้ และที่สำคัญก็คือ ผมรู้สึกว่าชีวิตกลางอ่อนกลางแก่ของผมนี้เป็นชีวิตที่มีความสุขค่อนข้างมาก และมีรสชาติค่อนข้างแปลก และผมอยากแบ่งปันกับท่านบ้าง จะเรียกว่าผมเล่าประวัติส่วนตัวก็ได้ครับ เมื่อท่านอ่านจบท่านอาจจะได้ไอเดียว่าน่าจะเขียนเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกับผม

ผมเป็นคนลุ่มน้ำแม่กลองแต่ก็เป็นลูกน้ำเค็ม ตอนเด็กถ้าเปรียบเทียบฐานะครอบครัวของผมกับครอบครัวอื่นในหมู่บ้านเดียวกัน ก็ต้องถือว่าครอบครัวของผมเป็นครอบครัวคนจน มานั่งนึกในนาทีนี้ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สึกเป็นปมด้อยหรือน้อยเนื้อต่ำใจแม้แต่นิดเดียวในความจน ของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะว่าผมเห็นพ่อแม่ทำงานหนัก และทั้งพ่อและแม่ก็ใช้ให้ลูก ๆ คือพี่สาว ตัวผม และน้องชายมีงานที่จะต้องทำเสมอ ทั้งงานบ้านและงานอาชีพจุนเจือรายได้ครอบครัว อาจจะเป็นเพราะความภูมิใจนิด ๆ หน่อย ๆ ในหน้าที่ก็ได้ที่ทำให้เราไม่มีเวลาไปคิดทางลบในเรื่องไร้สาระ นี่ผมลองตีความเอาเอง มันอาจจะผิดก็ได้ครับ อ้อ ลืมบอกไป บ้านเราทำอาชีพขายของชำหรือโชวห่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ

พ่อเป็นคนพูดน้อย แม่เป็นคนพูดมากและชอบพูดเล่น พี่สาวและน้องชายผมตัวขาวและพูดน้อยกว่าเหมือนพ่อ ส่วนผมตัวดำและพูดมากกว่าเหมือนแม่ และความชอบเรียนภาษาน่าจะติดมาจากแม่ด้วยเช่นกัน สมัยโน้นตอนพูดกับลูกค้าคนจีนแม่ก็พูดจีนได้นิด ๆ หน่อย ๆ สมัยนี้แม่ไม่ต้องทำงานแล้วแต่ชอบนั่งอยู่ที่เก๊ะเก็บเงินในร้านโชวห่วยที่ พี่สาวกับพี่เขยเป็นเจ้าของร้าน พอมีลูกค้ามอญต่างถิ่นเข้ามาซื้อของ แม่ก็พูดภาษามอญได้นิด ๆ หน่อย ๆ ดูเหมือนแม่จะมีความสุขกับการได้พูดภาษาต่างชาตินิด ๆ หน่อย ๆ อย่างผิด ๆ ถูก ๆ ตามประสาของแก ผมเห็นแกพูดไปยิ้มไปหัวเราะไป ผมไม่สามารถพูดภาษาจีนหรือภาษามอญได้ ‘นิด ๆ หน่อย ๆ’ เหมือนแม่ แต่ผมชอบเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.เตรียม(ชั้นอนุบาลสมัยก่อน) และดูเหมือนแม่ก็ชอบใจอยู่ที่ผมชอบภาษาอังกฤษ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมไปเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษซึ่งที่ทำงานส่งไป มีอยู่ชั่วโมงหนึ่งอาจารย์ฝรั่งถามผมว่า ทุกวันนี้ผมจำศัพท์ใหม่เพิ่มได้วันละกี่คำ ผมชะงักและตอบไม่ถูกเพราะเมื่ออ่านหนังสือพิมพ์ คือ Bangkok Post หรือ The Nation ผมรู้สึกว่าผมแทบไม่ได้เจอศัพท์ใหม่เลย แต่เมื่อส่องกล้องดูความคิดของตัวเองให้ชัดลงไปอีกหน่อย ก็ได้พบความจริงว่าผมคิดผิด เพราะทุกวันหรือทุกครั้งที่อ่านหนังสือ ผมพบศัพท์ใหม่หรือความหมายใหม่ของศัพท์เก่าตลอดเวลา ในขณะที่ความจำของผมน้อยลงเพราะผมชักแก่แล้ว แต่สิ่งที่มาชดเชยความจำที่หดหายไปก็คือความสามารถในการเดาคำศัพท์ที่มีมากขึ้น และที่ผมเดาได้ก็เพราะผมตุนจำศัพท์ไว้เยอะสมัยที่อายุยังน้อยและความจำยังดี ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับสมัยที่ผมอยู่ชั้นประถม ถ้าครูให้หนังสือมาให้ผมอ่าน 1 หน้า เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงผมสามารถท่องจำได้ และออกไปยืนที่หน้าชั้นและพูดข้อความที่ท่องมาได้ถูกต้องโดยไม่ผิดแม้แต่ตัวเดียว ผมยังจำ comment ของครูได้ดี ท่านบอกว่าตอนนี้เธอยังเด็กอยู่ความจำก็ดีอย่างนี้แหละ พออายุมากขึ้นจะจำไม่ได้อย่างนี้ นาทีนั้นผมไม่เชื่อเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างที่ครูพูด แต่ครูก็ไม่ได้โกหกผม นี่แหละครับใน post หลายครั้งใน blog นี้ผมถึงได้บอกน้อง ๆ ว่า ตอนนี้ความจำยังดีอยู่ก็พยายามจำศัพท์ไว้ให้ได้เยอะ ๆ เพราะถ้ามาเริ่มจำตอนอายุมากอาจจะช้าเกินไป นี่ผมก็ไม่ได้โกหกเหมือนกันครับ 

แล้วผมก็ได้เข้าเรียนธรรมศาสตร์เมื่อจบ มศ.5 เข้าคณะวารสารศาสตร์ เลือกเอกหนังสือพิมพ์ ผมแทบไม่ได้อะไรจากวิชาที่สอนในคณะนี้เลย เพราะเข้าไปแล้วถึงได้รู้ว่าไม่ชอบ แต่สิ่งที่ได้มาแน่ ๆ คือจิตวิญญาณของการเป็นนักหนังสือพิมพ์ ผมจึงรักที่จะให้คนไทยได้รับทั้ง news และ view (ข่าวและความเห็น) ที่ทั้งถูกต้อง ครบถ้วน และไม่ลำเอียง รั้วธรรมศาสตร์ในยุคผมเป็นยุคที่ทหารไม่อยากเดินเข้าไป เพราะมักถูกมองด้วยสายตาที่ชิงชังและดูถูก ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยเพราะเราก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ผมก็ถือว่าธรรมศาสตร์สอนให้คนรุ่นผมมีเลือดเหลืองแดงที่เข้มข้น ในความเห็นของผมเพลงที่สำคัญที่สุดของความเป็นธรรมศาสตร์ คือ ‘เพลงมอญดูดาว’ ทุกวันนี้ผมยังจำความรู้สึกครั้งแรก ๆได้ดีที่ร้องเพลงนี้กับเพื่อน ๆ เมื่อไปออกค่ายหรือทำกิจกรรมในต่างจังหวัดไกล ๆ ที่เล่ามาเช่นนี้มิได้หมายความว่าธรรมศาสตร์ดีกว่าที่อื่น เพียงแต่ผมรู้สึกภูมิใจในความเป็นธรรมศาสตร์ของตัวเองเอามาก ๆ

เรื่อง การเรียนในรั้วธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์จริง ๆ อาจารย์ที่ปรึกษาที่คณะของผมท่านบอกเมื่อผมพบท่านครั้งแรก ๆ ว่า ท่านเดินทางไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยมาแล้วทั่วโลก และท่านสามารถพูดได้เลยว่า ‘ธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยที่น่าจะทำอะไรก็ได้ ยกเว้นเรียนหนังสือ’ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมประทับใจในคำพูดของอาจารย์ที่ปรึกษามากเกินไปหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ผมจึงแทบไม่ได้เข้าชั้นเรียนเลย และใช้เวลาเรียนถึง 5 ปี จบออกมาด้วยเกรด 2.3

เมื่อเวลาส่วนใหญ่มักไม่ได้อยู่ในห้องเรียน ผมใช้เวลาทำอะไรใน 5 ปีนี้ ก็ใช้เวลาไปกับการทำกิจกรรมของชมรม การฟังสัมมนาอภิปรายเกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ซึ่งมีบ่อยมากในรั้วธรรมศาสตร์ยุคนั้น การออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทต่างจังหวัด หรือการอ่านหนังสือในห้องสมุดหรือนอกห้องสมุด อยากจะพูดว่า ในช่วงเพียง 5 ปีที่อยู่ธรรมศาสตร์นี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมอ่านหนังสือมากที่สุดในชีวิต ทั้งปริมาณและคุณภาพ มันเป็นความตื่นเต้นครับที่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่รักการอ่านมาพบสถานที่ซึ่ง บรรจุหนังสือเป็นแสน ๆ เล่ม และเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทย จุดนี้เองแหละครับที่เป็นจุดบันดาลใจของผม ก็คือว่า ตอนผมเริ่มเรียนปี 1 ผมบอกตัวเองว่าก่อนขึ้นปี 2 จะต้องอ่าน Bangkok Post ให้รู้เรื่องเหมือนอ่านไทยรัฐ ฉะนั้นแทบทุกวัน เมื่อกลับถึงที่พักผมจะนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ เอาเชือกผูกเอวตัวเองไว้กับพนักเก้าอี้ และอ่านให้จบอย่างน้อย 1 หน้าก่อนลุกไปไหน ถ้าจะลุกก่อนจบก็ต้องเอาเก้าอี้ไปด้วย ทำอย่างนี้จนเรียนจบปี 1 ผลปรากฏว่าก็ยังไม่สามารถบันดาลให้ Bangkok Post กลายเป็นไทยรัฐไปได้ แต่… มันอ่านรู้เรื่องมากขึ้นเยอะและคุ้มค่ากับความพยายาม มีอยู่หลายครั้งที่ผมไปอ่านพบหนังสือบางเล่มในห้องสมุด ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเนื้อหาในหนังสือเหล่านั้นถ้าตีพิมพ์เป็นภาษาไทย คนไทยที่เขียนคนนั้นจะต้องถูกจับเข้าคุกแน่ ๆ ในสถานการณ์การเมืองขณะนั้น และหนังสือก็จะถูกยึดไม่มีใครได้อ่าน แต่การที่ผมได้อ่านเพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ คงไม่ใช่เพราะว่าเจ้าหน้าที่เคจีบีเมืองไทยช่วงนั้นอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกหรอกครับ แต่อาจจะเป็นเพราะมันลอดหูลอดตาการตรวจพบ หรือเขาอาจจะเห็นว่า คงมีไม่กี่คนที่พลิกเข้าไปอ่านหน้านั้น เขาก็เลยปล่อยให้หนังสือเหล่านั้นบางเล่มวางอยู่บนชั้นหนังสือในห้องสมุด

เรื่อง การฝึกภาษาอังกฤษโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทสนทนา หรือ conversation นี่นะครับ เด็กสมัยนี้โชคดีกว่าสมัยนั้นเยอะแยะเลยครับ เพราะมีสารพัดสื่อที่ช่วยสอนทักษะให้เราได้ง่าย ๆ มันทะยอยมาตามลำดับครับ ตั้งแต่เทปคาสเซ็ทเป็นตลับ ม้วนวีดิโอ CD เคเบิ้ลทีวี และอินเทอร์เน็ต ฯลฯ ทุกอย่างเล็กลง ถูกลง ใช้ได้สะดวกขึ้น ท่านเชื่อไหมครับว่าตลอดช่วง 5 ปีที่ธรรมศาสตร์ ผมไม่เคยมีโอกาสได้เรียน listening – speaking กับอาจารย์ฝรั่งเลย เพราะวิชานี้มีคนจ้องจะเรียนกันเยอะ และจะต้องได้บัตรโควตาจึงจะได้เรียน พวกนักศึกษาผู้หญิงและเกย์เขาไวมากครับ และส่วนใหญ่ก็เป็นพวกนี้แหละครับที่ได้เรียน แต่เอาเถอะแม้แย่งบัตรโควตาเพื่อเรียน listening – speaking ไม่ได้ ผมก็เรียนภาษาอังกฤษวิชาอื่น ๆ เช่น grammar หรือ reading และเพราะได้เกรด A หรือ B เป็นส่วนใหญ่จากวิชาภาษาอังกฤษพวกนี้จึงทำให้ผมไม่ต้อง retire และจบออกมาได้ด้วยเกรดเกิน 2.0

หลังเรียนจบ ผมได้งานราชการและทำงาน 10 ปีในต่างจังหวัด งานที่ทำพาผมไปที่จังหวัดสงขลา ระนอง สกลนคร นครพนม สมุทรสงคราม และเพชรบุรี เป็นงานพัฒนาชนบทที่ต้องลงไปคลุกคลีใกล้ชิดกับคนต่างจังหวัด คนที่จนจริง ๆ ตอนนี้ฐานะทางบ้านของผมดีขึ้น แต่คนจนที่ผมไปทำงานด้วยเขาจนมากกว่าครอบครัวของผมเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วซะอีก ทุกวันนี้เมื่อพบคนจนที่มาจากภาคอื่นในกรุงเทพ ผมจึงรู้ว่าความ ‘จน’ เป็นอย่างไร คนที่โชคดีเพราะมีฐานะสูง แต่ไม่ยอมเอื้อใจให้คิดยาวออกไปถึงคนที่จนกว่ามาก ๆ คนพวกนี้จะไม่มีวันรู้จักเพื่อนคนไทยและเมืองไทยหรอกครับ เพราะคนไทยและเมืองไทยที่เขารู้จักเป็นคนละกลุ่มและคนละเมืองกับที่คนจนรู้จัก

ท่านผู้อ่านเห็นด้วยกับผมไหมครับว่า บางครั้งเคราะห์ร้ายในชีวิตก็อาจจะเป็นโชคดีอย่างมหาศาลถ้าเรามองอีกแง่หนึ่ง เมื่อผมทำงานได้ไม่กี่ปีที่จังหวัดระนองผมต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคดีซ่าน หรือตับอักเสบ มันเป็นเรื่องน่าตลกนะครับเพราะปกติผมเป็นคนแข็งแรงมาก ก่อนหน้านั้นผมแทบไม่เคยกินยามาเลยในชีวิต ผมไม่เคยปวดเมื่อย ปวดหัว ปวดท้อง เป็นไข้ ท้องเสีย อะไรทั้งสิ้น และวิ่งออกกำลังกายทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนทักว่าตาเหลือง ๆ น่าจะลองไปหาหมอ ผมก็ไปหาอย่างเสียไม่ได้เพราะกลัวเพื่อนว่า หมอตรวจร่างกายแล้วก็บอกว่าผมเป็นโรคตับอักเสบชนิดเรื้อรัง เขาใช้ศัพท์หมอว่า chronic ผมได้ข้อสรุปว่านี่เป็นสิ่งที่คนแข็งแรงควรระวัง เพราะความแข็งแรงของท่านอาจจะกลบอาการของโรคบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ ฉะนั้นพาร่างกายของตัวเองไปตรวจสุขภาพบ้างก็ดีนะครับ

ด้วยความหวังดี เพื่อนจึงติดต่อให้ผมเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงว่าคุณภาพดี หมอสั่งให้พยาบาลให้ผมกินยาสเตียรอยด์เป็นเวลา 6 วันและหยุดยา แต่พยาบาลคงลืมและไม่ได้หยุดยา และให้ผมกินไปเรื่อย ๆ จนถึงวันที่ 16 คืนก่อนที่ผมจะช็อกผมร้อนไปทั้งตัว ผมบอกให้เพื่อนสนิทที่มาเฝ้าเอาผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ชุบน้ำจากอ่างพลาสติกใบเล็กที่อยู่ข้างเตียงและเช็ดตัวให้ผมตลอดเวลา คืนนั้นเป็นคืนวันเสาร์ จนเลยเที่ยงคืนแล้วเพื่อนก็หลับไปในห้องนั้นแหละ แต่ผมก็เอาผ้าขนหนูชุบน้ำจากอ่างและอามาลูบตัวเองโดยไม่รู้ตัวตลอดทั้งคืน รุ่งเช้าเป็นวันอาทิตย์ เพื่อนผมซึ่งเป็นพยาบาลที่ห้องไอซียูที่โรงพยาบาลนั้นรีบมาเยี่ยมผมแต่เช้า แต่เขาติดต่อหมอไม่ได้เลย อาจจะเป็นเพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์ก็ได้หมอก็เลยมาตรวจช้า เธอเข็นผมไปเข้าห้องไอซียูและปั๊มหัวใจให้โดยไม่ได้รอให้หมอสั่ง ซึ่งถือว่าโชคดีเพราะถ้ารอหมอสั่งผมคงตายไปตั้งแต่เช้าวันนั้นแล้ว

ผมพักอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นอีกกว่า 2 เดือน ช่วงที่ผมเริ่มรู้สึกตัวใหม่ ๆ ผมรู้สึกเพลียมากและขี้เกียจหายใจ ผมขอเรียนว่านี่คือประสบการณ์พิเศษจริง ๆ ความรู้สึกที่บอกตัวเองว่าไม่เจ็บแต่อ่อนล้าเหลือเกิน ไม่อยากหายใจแล้ว จะตายก็ตายไปเถอะ ความรู้สึกเช่นนี้มิใช่หลายคนนักที่จะโชคดีมีโอกาสได้เจอ ช่วงที่ยังสลึมสลืออยู่บนเตียงนั้น รู้สึกว่ามีใครสักคนหนึ่งมายืนที่ข้างเตียงและถามผมว่า ‘กลัวตายไหม’ แปลกนักที่ผมจำคำตอบของตัวเองได้ชัดเจนว่า ‘ไม่กลัว’ โชคดีอย่างยิ่งที่หลังจากนั้นผมพ้นขีดอันตรายอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกที่ตรึงแน่นในใจก็คือ นี่เหมือนการตายแล้วเกิดใหม่ ตอนนี้เพิ่งอายุ 25 ปี แต่ชีวิตต่อจากนี้ทุกวันคือกำไร ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ทุกวันคือกำไรของชีวิต

วันนี้ ห่างจากวันนั้นมากว่า 20 ปีแล้ว ชีวิตในช่วงที่ผ่านมาก็มีขึ้นมีลงตามลีลาของมัน แต่เหตุการณ์ที่เฉียดความตายมันเหมือนให้พลังอะไรบางอย่างแก่ชีวิต ผมอยากจะเรียกว่ามันเป็นพลังของการปล่อยวาง จากที่เคยคิดว่าชีวิตนี้มั่นคงและยืนยาว กลายมาเห็นชัดว่าชีวิตนี้เปราะบาง... เปราะบางยิ่งนัก เราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะตายเมื่อไร

ออกจากโรงพยาบาลในกรุงเทพแล้วผมกลับไปทำงานพัฒนาชุมชนเช่นเดิมที่จังหวัดระนอง เขาเรียกผมว่าเป็น ‘พัฒนากร’ และไม่นานนักภาวะเฉียดตายก็มาเยี่ยมผมอีก

ใน ยุคนั้นจังหวัดระนองไม่ได้บูมเป็นจังหวัดท่องเที่ยวเช่นทุกวันนี้ พื้นที่ที่ผมรับผิดชอบเป็นเกาะนอกชายฝั่งระนองในทะเลอันดามัน 4 เกาะ ผมต้องขออาศัยเรือหาปลาจากฝั่งให้ไปแวะส่งผมที่เกาะ และขากลับบางทีเรือหาปลาก็แวะที่เกาะเพื่อขอยาจากสถานีอนามัยบนเกาะ ผมก็ขออาศัยกลับเข้าฝั่งด้วย ระหว่างเกาะกับฝั่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง

และวันหนึ่งในเดือนเมษายน ผมได้ขออาศัยเรือประมงเข้าฝั่ง จำได้ว่าเป็นเวลากลางคืน ลมพัดเย็นสบายและจันทร์กระจ่างฟ้า ผมปีนขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าเรือเพื่อกินลมและชมจันทร์กลางทะเลที่หลับเพราะคืนนั้นไม่มีคลื่นเลย ใครที่บอกว่าทะเลไม่เคยหลับเขาคงไม่เคยอยู่ทะเลนาน ๆ จึงไม่รู้ว่าทะเลก็มีเวลาหลับ และยามทะเลหลับยอมให้แสงจันทร์และลมเย็นลูบไล้นั้น ช่างเป็นความงดงามจริง ๆ

เวลาประมาณ 5 ทุ่ม เรือเริ่มเข้าสู่ปากอ่าว ผมเริ่มหนาวเพราะนั่งสัมผัสลมเย็นมานานหลายชั่วโมง จึงปีนจากดาดฟ้าเพื่อจะลงมาข้างล่าง ทันใดนั้นไม้ราวขนาดไม่ใหญ่นักซึ่งอยู่ด้านบนสุดของดาดฟ้าเกิดหัก ผมหล่นจากดาดฟ้าล่วงลงไปในทะเลโดยไม่ได้กระแทกแคมเรือ เสียงดังของเครื่องยนต์กลบเสียงทั้งหมดที่ผมตกลงไปในน้ำทะเล ร่างจมลงไปใต้น้ำ พอถีบตัวให้ขึ้นมาถึงผิวน้ำก็ได้เห็นว่าเรือแล่นไปข้างหน้าไกลแล้ว

‘โชคดี’ ครั้งที่สองของผมนี้เกิดขึ้นในภาวะมีผมมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ผมมองจุดที่กำลังว่ายอยู่ในน้ำกับแสงไฟที่อยู่บนฝั่งกับเรี่ยวแรงที่ตัวเองมีอยู่ ผมบอกตัวเองได้เลยว่าผมไม่ตายแน่ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงคือการว่ายน้ำในทะเลอันดามันเข้าสู่ฝั่ง ผมถึงฝั่งอย่างปลอดภัยและเหนื่อยอ่อน มารู้ตอนหลังว่าตอนที่ผมตกทะเลมีคนบนเรือคนเดียวที่เห็น เขาเป็นกรรมกรประมงชาวพม่า เขาพยายามไปบอกนายท้ายว่าผมตกทะเล แต่ก็ใช้เวลานานกว่าจะพูดกันรู้เรื่องเพราะต่างไม่รู้ภาษาซึ่งกันและกัน ท้ายที่สุดเรือลำนั้นก็วนกลับเพื่อมาหาผม แต่ก็หาไม่พบหรอกครับเพราะมันกลางคืนอย่างนั้น ผมตกทะเลตรงไหนก็ไม่รู้ นายท้ายก็เลยแล่นเรือต่อไปเพื่อไปจอดที่ท่าเรือบ้านเถ้าแก่ของเขา ส่วนผมก็ว่ายน้ำตามประสาของผมไปยังฝั่งที่เห็นแสงไฟ ท่านอาจจะถามว่า ทำไมไม่ว่ายรออยู่ตรงนั้นเพื่อให้เรือย้อนกลับมารับ ท่านที่ว่ายน้ำเป็นคงจะทราบว่าเพียงแค่ใช้แรงพยุงตัวเพื่อให้ลอยอยู่ได้และ รออย่างลม ๆ แล้ง ๆ เพื่อให้เรือกลับมารับ กับการออกแรงว่ายเข้าฝั่งผมเลือกทำอย่างหลังดีกว่า

ตอนว่ายอยู่ในทะเลผมไม่ตกใจเพราะรู้ว่าถึงจะไกลและเหนื่อย ยังไงก็ไม่จมน้ำตายและว่ายถึงฝั่งก่อนหมดแรงแน่ ๆ แต่พอมาคิดว่า ถ้าผมปีนจากดาดฟ้าลงมาข้างล่างก่อนหน้านั้นสักหนึ่งชั่วโมง ผมคงเป็นผีเฝ้าทะเลแน่ ๆ เพราะทะเลน้ำลึกว่ายยากกว่าแถบชายฝั่งที่น้ำตื้นและกำหนดทิศทางได้ยากกว่า

เหตุการณ์เฉียดตาย 2 ครั้งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตภายในช่วงเวลาที่ไม่ห่างกันนัก และในช่วงวัยที่ผมยังไม่ควรตาย ทำให้ผมตระหนักแน่นในความไม่แน่นอนของชีวิต ‘ความตายเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน’ คำพูดนี้สำหรับผมไม่ได้เป็นปรัชญากลวง ๆ แต่เป็นความจริงที่หนักแน่น ชัดเจน แจ่มแจ้งยิ่งกว่าคำพูดบรรยายใด ๆ ทั้งสิ้น และเป็น ‘ความรู้’ ที่ติดตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้

ผมย้ายไปทำงานอีกหลายจังหวัดตามที่เรียนไว้แต่ต้น บทสรุปง่าย ๆ เรื่องฐานะของคนต่างภาคในประเทศไทยที่ผมได้รับจากการทำงานในภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลางก็คือ ภาคอีสานจนที่สุด เป็นบทสรุปที่ใคร ๆ ก็รู้ แต่ในขณะที่บางคนบอกว่าคำตอบของชาวบ้านอยู่ที่หมู่บ้าน ผมกลับขอยืนยันว่า คำตอบของหมู่บ้านอยู่ในสภาฯ - อยู่ใน ครม. แต่เอาเถอะ ผมขอหยุดพูดพาดพิงถึงการเมืองไว้เพียงแค่นี้แล้วกันครับ บางครั้งอะไรต่ออะไรมันสับสนและซับซ้อนมากจนผมไม่กล้าด่วนสรุปว่าอะไรคือ อะไร

ช่วงเวลา 10 ปีที่ผมอยู่ต่างจังหวัด ผมไม่มีโอกาสได้ฝึก speaking listening หรือ writing เลย เพราะไม่รู้จะไปพูด ไปฟัง ไปเขียนกับใครที่ไหน Buddy คู่กายในการฝึกภาษาอังกฤษของผมก็คือ หนังสือพิมพ์ Bangkok Post หรือ The Nation และก็ฝึกอย่างเดียว คือ reading เท่านั้น

หลังจาก 10 ปีที่ทำงานที่ ‘บ้านนอก’ ผมย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพ แต่ช่วง 15 ปีที่อยู่ในกรุงเทพ งานที่ทำกลับตรงกันข้ามกับ 10 ปีแรกโดยสิ้นเชิง คือเป็นงานที่เกี่ยวกับ ‘เมืองนอก’

งานที่ทำบังคับให้ผม ต้องติดต่อโต้ตอบโดยการคุยกับและเขียนถึงชาวต่างประเทศ ทั้งในขณะที่เขาเดินทางมาเมืองไทย และในขณะที่ผมเดินทางไปต่างประเทศ ประสบการณ์ในช่วง 15 ปีนี้ที่ทำให้ผมได้เดินทางไปประเทศอื่นประมาณ 25 ประเทศ (ทั้งไปทำงานและไปเที่ยว) ทำให้ผมได้ข้อสรุปบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการที่จะเก่งภาษาอังกฤษทั้ง ๆ ที่ผมไม่ใช่คนเก่ง แต่ผมคิดว่าพอจะเดาได้บ้างว่าถ้าจะเป็นคนเก่งต้องทำยังไง ผมรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ที่ลิงค์นี้ คุยกับท่านผู้อ่าน 

ท่านผู้อ่านที่ติดตาม blog นี้เป็นประจำจะสังเกตได้ไม่ยากว่า ผมไม่ใช่คนเก่งภาษาอังกฤษมากมายอะไร ในที่ทำงานมีหลายคนที่แย่กว่าผม แต่ก็มีหลายคนที่ผมแย่กว่าเขาในเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ แต่ที่ผมกล้ามาทำ blog นี้ ก็เพราะผมเอาของดี ๆ ที่คนอื่นเขาทำไว้มาเสนอให้ท่านใช้ ถ้าให้ผมทำเองผมก็คงทำไม่ได้หรอกครับ

มีอยู่ 1 คำถามที่ผู้อ่านบางท่านอาจจะอยากทราบแต่ไม่กล้าถาม คือ ผมได้อะไรจากการทำ blog นี้? คำถามนี้ตอบได้ไม่ยากเลยครับ

เรื่อง รายได้ไม่ใช่สาเหตุแน่ ๆ ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ชัดเลยว่า blog นี้เป็น blog ที่ Free 100 % อันที่จริงมีอยู่หลายวิธีที่สามารถหารายได้จาก blog แบบนี้ ที่คนอื่นเขาทำกันอยู่ก็เช่น ให้ข้อมูลดี ๆ แก่คนอ่านพอเป็นตัวอย่าง ถ้าอยากได้เพิ่มเติมต้องเสียเงินลงทะเบียน หรือหาโฆษณามาลง ผมตั้งใจไว้อย่างเด็ดขาดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่ใช้ blog นี้หารายได้ ไม่ว่าด้วยทางใดทั้งสิ้น บางวิธีอาจจะดูว่าไม่เป็นอันตราย win – win ด้วยกันทั้งคู่ เช่น หาโฆษณามาลง ใครไม่อยากคลิกก็ไม่ต้องคลิก ใครคลิกเข้าไปแล้วไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อ ท่านผู้อ่านก็ไม่ได้เสียอะไร ผมเองก็ได้เงินค่าคลิกโฆษณา แต่... มันไม่ใช่เรื่องพื้น ๆ อย่างนั้นหรอกครับ ยกตัวอย่างเรื่องคลิกโฆษณา เนื่องจาก blog นี้ผู้ชมส่วนใหญ่คือผู้ที่สนใจเรื่องภาษาอังกฤษ โฆษณาที่จะถูกให้เอามาลงก็หนีไม่พ้นโฆษณาโรงเรียนสอนภาษา หนังสือ CD วีดิโอ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ ปัญหาก็คือ ผมไม่มีทางรู้เลยว่าสินค้าเหล่านั้นคุณภาพดีจริงหรือเปล่า หรือถ้าหากว่าคุณภาพดี ราคามันแพงเกินไปหรือเปล่า มันคุ้มค่ากับเวลาหรือเงินที่ท่านผู้อ่านต้องเสียไปหรือเปล่า หรือมีสิ่งอื่นไหมที่ blog นี้สามารถให้ได้ฟรี ๆ โดยท่านผู้อ่านไม่ต้องไปเสียเงินซื้อ เรื่องของเรื่องก็คือ ผมไม่ต้องการให้ท่านผู้อ่านเสียอะไรแม้แต่นิดเดียวจากการเข้ามาที่ blog นี้

เมื่อท่านผู้อ่านขอบคุณผมที่ทำ blog นี้ ก็ขอให้ท่านช่วยขอบคุณน้อง ๆ ในที่ทำงานของผมที่ช่วยเหลือผมทางด้านเทคนิคมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณประสาร คิดดี และคุณศศิศ บุญดาว ที่เป็นเหมือนอาจารย์ของผมในเรื่องการทำ blog 

แต่อะไรเล่าคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมทำ blog นี้ และก็จะทำต่อไปถ้าไม่มีปัญหาทางด้านเทคนิคหรือสุขภาพร่างกายมาขัดขวางบั่นทอน?

 ตั้งแต่ต้นมาแล้วที่ผมเรียนท่านผู้อ่าน ผมรู้สึกว่าชีวิตของคนเราสั้นและไม่แน่นอน งานราชการที่ผมทำ แม้จะตั้งใจทำอย่างซื่อสัตย์และเต็มความสามารถ แต่จะพูดว่าผมทำความดีก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะถึงอย่างไรผมก็ได้เงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ จากภาษีของประชาชน การทำงานอย่างซื่อสัตย์และเต็มกำลังความสามารถจึงเป็นการใช้หนี้ประชาชน ไม่น่าจะเอามาคุยว่าเป็นการทำความดี

ผมจึงขอเรียนว่า การที่ผมทำ blog นี้ก็เพราะว่า...
1. ผมมีความสุขยิ่งนักที่ได้ทำ เพราะผมได้ใช้ความสามารถที่ผมมี คือ search skill, computer skill, English skill และ skill ในการชี้แจงอธิบายขยายความเรื่องต่าง ๆ ซึ่งผมแอบเข้าข้างตัวเองว่า ผมน่าจะสอบไม่ตกในเรื่องเหล่านี้ เมื่อได้ให้ความสุขแก่ตัวเองเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นโบนัสของชีวิตที่ผมให้แก่ตัวเองทุกวัน ผมทำสิ่งที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า labour of love นั่นแหละครับ

2. ผมมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีกที่ได้รู้ว่า มีบางท่านได้รับประโยชน์จาก blog นี้ แม้ blog นี้จะรู้กันในกลุ่มคนที่จำกัดเพราะผมไม่ได้ใช้วิธีโฆษณาใด ๆ ทั้งสิ้น ท่านเข้ามาแล้วแม้จะได้อะไรกลับออกไปเพียงนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ถือว่าท่านได้ช่วยให้ผมมีความสุขมากขึ้น ขอขอบคุณครับ

ขอบคุณทุกท่านครับที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้

พิพัฒน์

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[282]ดาวน์โหลด Picture Dictionary 5 เล่ม ฟรี !

แหล่งดาวน์โหลด หนังสือที่ต้องการ



เพิ่ม 6 ตค 51
ตอนนี้ทุกเล่ม ไปดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[831] แจกไฟล์ pdf ดิกชันนารีภาพ 8 เล่ม

= = = = == = == =
สวัสดีครับ
ผมยังมีความเชื่ออย่างเสมอต้นเสมอปลายว่า การจำศัพท์โดยมีภาพเป็นตัวช่วยจะทำให้เราจำศัพท์ได้เร็ว-ได้มาก-และได้นาน โดยไม่ต้องอาศัยคำอธิบายมาก คล้าย ๆ กับภาษิตฝรั่งที่ว่า A picture is worth a thousand words ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้รวมลิงค์เฉพาะสำหรับเรื่องนี้ไว้ที่นี่: การศึกษาภาษาอังกฤษจากภาพ ถ้าท่านยังไม่เคยเข้าไปดู ลองคลิกเข้าไปชมสักครั้งก็ดีครับ

และวันนี้ผมมีไฟล์ pdf เป็น Picture Dictionary คุณภาพสูง 5 เล่มมาให้ท่านดาวน์โหลดเก็บไว้ศึกษาคำศัพท์ ท่านอาจจะ print ออกมาศึกษาทีละหน้า-วันละหน้า ซึ่งจะช่วยให้ท่านจำศัพท์ได้ทีละหมวด แทนที่จะจำทีละคำ ๆ

แม้ว่าการจำศัพท์โดยอาศัยรูปภาพอาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น ถ้าเป็นคำนามจะหารูปได้ง่าย แต่ถ้าเป็น verb, adjective หรือ adverb ย่อมหารูปภาพมาเทียบคำศัพท์ได้ยาก แต่กระนั้นก็เถอะ ถ้าได้จำคำนามไว้เยอะ ๆ เดี๋ยวคำประเภทอื่น ๆ ก็ตามมาเองแหละครับ
ผมเชื่อว่า picture dictionary ข้างล่างนี้จะเป็นตัวช่วยอย่างดีตัวหนึ่งในการทำให้ท่านเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น ๆ ท่านไม่ต้องฮวบฮาบจำหรอกครับ เพียงจำไปวันละนิดวันละหน่อย(แต่พยายามจำเพิ่มให้ได้ทุกวัน) เผลอแพล็บเดียวท่านอาจจะแปลกใจว่า ศัพท์จำนวนมากที่เมื่อก่อนเป็นคนแปลกหน้า มาบัดเดี๋ยวนี้ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของท่านไปแล้ว ถ้าท่านไม่เชื่อที่ผมพูด ผมขอท้าให้ท่านลองทำดู ถ้าทำไปสักเพียง 2 – 3 เดือนแล้วไม่ได้ผลอย่างที่ผมโฆษณา ผมยินดีคืนเงินให้ทันทีสำหรับค่าเอกสารที่ท่านเสียไปเพื่อการนี้

หมายเหตุ:
ถ้าไม่สามารถดาวน์โหลด 5 เล่มข้างล่างนี้ ให้ คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดจากเว็บ 4shared.com

[1] The New Oxford Picture Dictionary
(69.2 MB) ศึกษาคำศัพท์ประกอบรูปภาพมากกว่า 80 หมวดคำศัพท์

[2] Word by Word Picture Dictionary
(34.3 MB) ดิกเล่มนี้ นอกจากคำศัพท์แล้ว ยังได้ศึกษาการแต่งประโยคด้วยคำศัพท์อีกด้วย

เล่ม [1] กับ [2] ข้างบน อาจจะต้องใช้เวลาดาวน์โหลดนานหน่อย เพราะเป็นไฟล์ขนาดใหญ่ ถ้าท่านมีเพื่อนที่ใช้ high speed Internet จะวานให้เขาดาวน์โหลดไฟล์เอามาแบ่งปันกันก็ดีครับ

[3] Can Do Picture Dictionary
(8.48 MB) เป็นดิกภาพคุณภาพดีอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจมาก

[4] Oxford Picture Power Dictionary
(14.1 MB) ศึกษา 1,500 คำศัพท์ผ่าน story และ picture น่าสนใจมาก ๆ ครับ

[5] Picture Dictionary Activity Book1
(2.96 MB) เป็นคู่มือที่ดีมากสำหรับครูในการทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาคำศัพท์ของนักเรียน

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[281]ดาวน์โหลดหนังสือดี & ฟรี ที่เพิ่งวางตลาด

เพิ่ม 8 ธค 2551
ค้นหนังสือจาก rapidshare ใช้บริการเว็บนี้: http://fileshunt.com/
* * * * *
สวัสดีครับ
ในโลกอินเตอร์เน็ต มีหนังสือฟรีมากมายมหาศาลที่ให้ท่านเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรี ผมได้รวบรวมไว้ที่ลิงค์นี้
[61] free online library - อ่านหนังสือฟรี

แต่ถ้าเป็นหนังสือที่เพิ่งพิมพ์ใหม่ ๆ ยังวางขายอยู่ในร้านหนังสือในท้องตลาด ในลิงค์ข้างบนอาจจะไม่มีให้ท่านดาวน์โหลด

แต่... โชคดีครับ ผมเจอ 2 – 3 เว็บข้างล่างนี้ มีหนังสือใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรา หรือนิยาย ที่ท่านต้องเสียเงินซื้อเล่มจะหลายร้อยบาท หรือเป็นพันบาทที่ร้านหนังสือ เขามีให้ท่านดาวน์โหลดที่เว็บข้างล่างนี้

ถ้าท่านพบอุปสรรคในการดาวน์โหลด อาจจะเปลี่ยนเวลาดาวน์โหลดเป็นช่วงเวลาที่คนใช้เน็ตน้อย หรือหาเครื่องคอมฯที่เป็น high speed ก็อาจจะช่วยให้ดาวน์โหลดง่ายขึ้น

ที่เว็บนี้ครับ
[1]
http://www.4shared.com/
วิธีใช้:
1. พิมพ์ Key word ในช่อง Search ที่ด้านขวาของหน้า, คลิก Search
2.คลิกที่ชื่อหนังสือเล่มที่ต้องการดาวน์โหลด
3.คลิกที่ Download Now
4. รอให้เลข count down เสร็จ แล้วคลิกที่ Click here to download this file
5. คลิกที่ save เพื่อหาที่เก็บไฟล์ไว้ในเครื่องคอมฯ

[2] http://www.scribd.com/ (ต้อง Sign up เพื่อใช้งานก่อน ใต้ช่อง Join Scribd ที่นี่ )
วิธีใช้:
1. Sign In (ถ้ายังไม่ได้ทำ)
2. พิมพ์ Key word ในช่อง Search , คลิก Search
3. เมื่อคลิกที่ชื่อหนังสือ (ที่เป็นตัวหนังสือ--ไม่ใช่ตรงรูปภาพ) แล้ว
(ให้ copy ชื่อหนังสือเล่มนั้นไว้ด้วย เพื่อเก็บไว้ไปแทนชื่อไฟล์ที่จะดาวน์โหลด)
4. คลิกซ้ายที่ Download แล้วคลิกขวาที่ Adobe Acrobat (.pdf)
5. คลิกเลือก Save Target As...
6. คลิกขวาที่ชื่อไฟล์ ในช่อง File Name แล้วเลือก paste, คลิก Save

[3] http://rapidshare.com/index.html
วิธีใช้:
1. ไปที่ http://www.google.com/
2. พิมพ์ key word ที่เราต้องการค้น เช่น ต้องการค้นหาตำรา grammar ก็ให้พิมพ์แบบนี้ครับ
grammar site:rapidshare.com
3. คลิกเลือกลิงค์ใดลิงค์หนึ่งที่ Google โชว์ ซึ่งมีหลายลิงค์
4. คลิกเลือกลิงค์ใดลิงค์หนึ่งที่ rapidshare.com โชว์
5. คลิก Free user
6. รอเวลา countdown จนเสร็จแล้ว ให้คลิก DOWNLOAD
7. คลิก save เพื่อหาที่เก็บไฟล์ไว้ในเครื่องคอมฯของท่าน
8. ไฟล์ที่ rapidshare.com ให้ดาวน์โหลดนี้มักจะเป็นไฟล์ที่บีบอัดโดยใช้โปรแกรม WinRAR ถ้าเครื่องของท่านไม่ได้ลงโปรแกรมนี้ไว้ ให้ไปดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมฟรี ZipGenius โปรแกรมนี้สามารถทั้งบีบอัด และขยายไฟล์ได้เหมือนทั้ง WinZip และ WinRAR เชิญไปดาวน์โหลดโปรแกรม ZipGenius โดย คลิกที่นี่ ครับ (เป็นโปรแกรมฟรี ไม่หมดอายุ และไม่ต้องลงทะเบียน)
หมายเหตุ: เว็บ rapidshare.com นี้บางครั้งก็เกเร ถ้าไม่เกเรจะมีหนังสือดี ๆ ให้ดาวน์โหลดเยอะทีเดียว ถ้าท่านเจอเวลามันเกเร ก็ค่อยกลับมาใช้งานเว็บนี้ตอนหลังแล้วกันครับ มันไม่เกเรทุกวันหรอกครับ

[4] http://manybooks.net/ เว็บนี้หนังสืออาจจะเก่าสักหน่อย

ผมเคยแนะนำตำราภาษาอังกฤษคุณภาพเยี่ยมที่เพิ่งพิมพ์ใหม่ ๆ หลายสิบเล่มที่เขาอนุญาตให้เราเข้าไปดาวน์โหลดที่ 2 ลิงค์ข้างล่างนี้
[224] ดาวน์โหลดตำราภ.อังกฤษชั้นเยี่ยม 40 เล่ม ฟรี ...
[224] ดาวน์โหลดตำราภ.อังกฤษชั้นเยี่ยม 40 เล่ม ฟรี !
ตอนนี้ 2 ลิงค์นี้เขาไม่ยอมให้เราดาวน์โหลดแล้ว แต่ท่านาจจะสามารถดาวน์โหลดได้จาก 4 เว็บที่ผมแนะนำข้างบนนี้

ตอนที่ท่าน Search, ให้ท่านพิมพ์ key word สั้น ๆ สัก 1 – 2 คำก็พอ ที่เป็นชื่อหนังสือ หรือชื่อผู้แต่งลงไป เช่น Toefl grammar vocabulary "John Grisham" ฯลฯ

ขอให้ทุกท่านพบหนังสือเล่มที่ท่านชอบนะครับ

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[280] homophone - homograph - homonym

สวัสดีครับ
คำ 3 ประเภทนี้ คือ
[1] homophone คำที่ออกเสียงเหมือน – แต่ความหมายต่าง(และ/หรือ สะกดต่าง)
[2] homograph คำที่สะกดเหมือน – แต่ความหมายต่าง
[3] homonym คำที่ออกเสียงเหมือน-หรือ - สะกดเหมือน – แต่ความหมายต่าง

อ่านดูแล้วก็น่าปวดหัว ท่านศึกษาเอาเองแล้วกันครับ

[1] คำที่ออกเสียงเหมือน – แต่ความหมายต่าง/สะกดต่าง
Two words are homophones if they are pronounced the same way but differ in meaning or spelling or both (e.g. bare and bear):
เว็บที่1:
http://www.firstschoolyears.com/literacy/word/other/homonyms/resources/Homophones.pdf
เว็บที่ 2:
http://www.google.com/search?hl=en&q=intitle%3Ahomophones&btnG=Search
เว็บที่ 3:
http://www.wordwebonline.com/
(ถ้ามีคำที่ออกเสียงเหมือน จะแสดงด้วยคำว่า Sounds like: XXXXX)

[2] คำที่สะกดเหมือน - แต่ความหมายต่าง
Two words are homographs if they are spelled the same way but differ in meaning (e.g. fair)
เว็บที่1:
http://www.johnsesl.com/templates/vocab/homographs.php
เว็บที่ 2:
http://www.google.com/search?hl=en&q=intitle%3Ahomographs&btnG=Search

[3] คำที่ออกเสียงเหมือน-หรือ - สะกดเหมือน - แต่ความหมายต่าง
Two words are homonyms if they are pronounced or spelled the same way but have different meanings
เว็บที่1:
http://a4esl.org/q/h/homonyms.html
เว็บที่ 2:
http://www.google.com/search?hl=en&q=intitle%3Ahomonyms&btnG=Google+Search

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

[279] Dict.ที่ผมตั้งใจทำเพื่อท่านผู้อ่านโดยเฉพาะ

สวัสดีครับ
หากถามว่า ‘ดิกชันนารี’ มีไว้เพื่ออะไร ผมขอตอบว่า มิได้มีไว้เพื่อ ‘ดูศัพท์’ เท่านั้น แต่ยังมีไว้เพื่อ
’ทวนศัทพ์’ และ ‘ท่องศัพท์’ อีกด้วย

หมายความว่า เราเลือกดิกชันนารีมา 1 เล่ม เป็นเล่มที่ได้มีการกลั่นกรองแล้วว่า ศัพท์ทุกคำในเล่มนี้เป็นศัพท์พื้นฐานจริง ๆ ของภาษาอังกฤษ เราจะไม่เสียเวลาเปล่า ถ้าเราให้เวลากับการท่องศัพท์และทบทวนศัพท์กับดิกเล่มนี้ เพราะเป็นศัพท์ที่เราจะต้องใช้ในการฟัง พูด อ่าน เขียน เรื่อย ๆ แม้ว่าจะใช้บ่อยมาก หรือน้อยต่างกันไปบ้างก็ตาม

แต่การซื้อดิกชันนารีมาเล่มหนึ่ง และเปิดท่องและทบทวน ตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย เป็นสิ่งที่น่าเบื่อและคงทำไม่ได้ จะต้องใช้เทคนิคอื่น ที่ทำให้ทำได้และไม่น่าเบื่อ

ที่ดิกชันนารีตามลิงค์นี้ [เลื่อนลงไปที่ Alan Beale's Core Vocabulary Compiled from 3 Small ESL Dictionaries] ซึ่งมีศัพท์ทั้งหมด 21,877 คำ จะเป็นดิกชันนารีที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการดูศัพท์ – ท่องศัพท์ - และทบทวนศัพท์อย่างที่ผมกล่าวมาข้างต้น
อ่าน[รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับดิก ]

ผมหวังว่า 4 กิจกรรมตามบัญชีคำศัพท์ข้างล่างนี้ จะช่วยทำให้ท่านสนุกกับดิกชันนารี และได้รับประโยชน์จากมันมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

[1] กิจกรรมตามบัญชีคำศัพท์ A – Z (ไม่มีคำแปล) ลองอ่านดูคร่าว ๆ ว่าเรารู้ศัพท์สักกี่คำ
A - B - C - D - E - F- G - H- I - J - K - L - M - N - O - P - Q - R - S - T - U - V - W - X, Y & Z
ดาวน์โหลดไฟล์คำศัพท์ภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่

[2] กิจกรรมตามบัญชีคำศัพท์ A – Z (วางเมาส์ที่คำศัพท์ จะปรากฏคำแปลเป็นภาษาไทย)
A-B-C-D-E-F-G-H-I-J-K-L-M-N-O-P-Q-R-S-T-U-V-W-XYZ
ดาวน์โหลดไฟล์คำศัพท์ คลิกที่นี่

[3] กิจกรรมตามบัญชีคำศัพท์ A – Z (ดับเบิ้ลคลิกที่ศัพท์ จะปรากฏคำแปล ) เป็นการฝึกทุกทักษะภาษาอังกฤษจากการใช้ดิกชันนารี

ที่บัญชีคำศัพท์ A – Z ข้างล่างนี้
A- B- C- D- E- F- G- H- I- J- K- L- M- N- O- P- Q- R- S- T- U- V- W- XYZ


[4 ] Dictionary Lookup Flashcards A – Z
วิธีเล่น:
กิจกรรมนี้นี้เป็นการเช็คว่า เรารู้ความหมายของศัพท์ที่เขาให้มา (ตามหมวด A – Z) มากน้อยเพียงใด โดยให้เราคลิกที่ Get a Word (หรือกด space bar) ไปเรื่อย ๆ เมื่อเห็นคำใดที่เราไม่รู้จัก ก็สามารถคลิกดูความหมายจาก dictionary อังกฤษ – อังกฤษ 10 เล่มที่คอลัมน์ขวามือ- นอกจากนี้ ท่านสามารถ (1)คลิกที่ Clear the word and input my own (2) คลิกให้ Curser กระพริบที่ช่องเหนือคำว่า Get a Word และ (3) พิมพ์คำอะไรก้ได้ที่ท่านต้องการทราบความหมายลงไป (4) คลิกดูความหมายจาก dictionary อังกฤษ – อังกฤษ 10 เล่มที่คอลัมน์ขวามือ
A - B - C - D - E - F - G - H - I - J - K - L - M - N - O - P - Q - R - S - T - U - V - W - XYZ

ผมหวังว่า Dictionary ที่ผมตั้งใจทำเพื่อท่านผู้อ่านโดยเฉพาะในบทนี้ จะช่วยท่านได้มากพอสมควรในการศึกษาภาษาอังกฤษ ทั้ง vocabulary, grammar, reading, listening, spelling, speaking, และ writing

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[278]เว็บภาษาอังกฤษที่ง่าย และ สนุก

สวัสดีครับ
เว็บเรียนภาษาอังกฤษที่ฝรั่งทำ ที่คุณภาพดี และโฆษณาว่า ง่าย และ สนุก (easy & funny) เมื่อท่องดูในอินเตอร์เน็ตก็พบว่ามีไม่น้อย

พูดถึงเว็บนี่นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บใหญ่ ๆ ผมอยากจะเปรียบเหมือนห้างสรรพสินค้าซึ่งมีของขายสารพัดอย่าง ข้อควรคำนึงในการใช้เว็บพวกนี้ก็คือ
[1]. บางอย่างในเว็บ อาจจะดี มีปะโยชน์ และถูกใจเราจริง ๆ ถ้าเจอให้รีบทำ Favorite ไว้เลยครับ เพราะถ้าผ่านไปแล้ว ท่านอาจจะย้อนกลับมาและหาไม่พบ และจะรู้สึกเสียดาย และ Favorite ที่ทำควรจะทำไว้หลาย ๆ ประเภท จะได้ไม่ทำให้ตัวเองสับสนเมื่อย้อนมาเปิดดู

[2]. เว็บอยู่ได้เพราะโฆษณาและการขายของ นี่เป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่อยากเสียเวลากับโฆษณาและสินค้าของเขา ก็อย่าไปเผลอคลิกลิงค์พวกนี้ เช่นมีถ้อยคำจำพวก Ads by Google, Supported by…., Promotion, Premium, หรือเป็นแบนเนอร์ชัด ๆ สีสด ๆ เรามองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นโฆษณา อย่าไปยุ่งกับมันครับ

[3]. เว็บ(หรือลิงค์)ที่ดีอาจจะไม่ง่าย เว็บง่ายอาจจะไม่ดี แต่ก็อาจจะมีบางเว็บที่ทั้งดีและง่าย หรือบางเว็บทั้งคุณภาพแย่และใช้ยาก ถ้าขณะนี้ท่านเคยชินกับการใช้เว็บที่ดีและง่าย ท่านลองขยับขึ้นไปใช้เว็บที่ดีแต่ยากดูบ้างนะครับ เพราะคุณภาพมันอาจจะดีกว่าเว็บที่ดีและง่าย

ข้างล่างนี้ เป็นเว็บที่เขาบอกว่า easy & funny ผมขอชวนให้ท่านลองสำรวจดูโดยใช้หลัก 3 ข้อข้างต้น เชื่อว่า ท่านจะได้เจอลิงค์ที่ดี มีปะโยชน์ และถูกใจท่านจริง ๆ ไม่มากก็น้อย ได้แล้วอย่าลืมทำ Favorite ไว้ด้วยนะครับ

http://funeasyenglish.com/
http://www.manythings.org/
http://www.easyenglish.com/
http://www.efl4u.com/
http://www.say-it-in-english.com/englishfun.html
http://www.fun-with-english.co.uk/
http://www.china232.com/

พิพัฒน์
ptstn@yahoo.com

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

[276] ดาวน์โหลดหนังสือดัง 3 เล่มของ เดล คาร์เนกี

สวัสดีครับ
มีหนังสือ 3 เล่มของ เดล คาร์เนกีที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก มีแปลเป็นภาษาไทยแล้วทั้ง 3 เล่ม คือ
1. How to Win Friends and Influence People.
(วิธีชนะมิตรและจูงใจคน)

2. How to Stop Worrying and Start Living.
(วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข)

3. The Art of Public Speaking
(ศิลปะการพูดในที่ชุมนุมชน)

เขาบอกว่าเป็นหนังสือขายดีระดับโลกและมีการแปลเป็นหลายภาษา ผมเคยอ่านบางเล่มและก็เห็นว่ามีเนื้อหาดีอย่างที่เขาว่ากัน

คุณ pookum ได้กรุณาแนะนำลิงค์ดาวน์โหลดนี้ให้มา http://www.scribd.com/reader/related/886941 แต่ท่านต้องลงทะเบียนก่อน

หรือท่านจะไปดาวน์โหลดทันทีทั้ง 3 เล่มก็คลิกที่นี่ครับ Dale Carnegie

อ่านประวัติและผลงานของเดล คาร์เนกีที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Dale_Carnegie

ถ้ามีเวลาก็ลองอ่านดูนะครับ เชื่อว่าท่านจะได้อะไรที่ใหม่ – ดี – และมีประโยชน์แน่นอน

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

[275] เรียนภาษาอังกฤษกับ Subtitle ของYouTube

สวัสดีครับ
ผมเคยเรียนท่านผู้อ่านหลายครั้งแล้วว่า เราสามารถใช้จอ YouTube เป็นห้องเรียนภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีถ้าเรารู้จักใช้ และผมได้เขียนคำแนะนำบางประการไว้แล้ว ที่นี่

วันนี้ผมมีอีก 1 คำแนะนำเกี่ยวกับการศึกษาภาษาอังกฤษจาก YouTube ก็คือว่า ที่ YouTube นี้คนเขาเอาวีดิโอนานาชนิดไป upload ไว้ และหลาย ๆ วีดิโอมี subtitle หรือตัวหนังสือแสดง คำพูด เสียงร้อง บทบรรยาย เป็นภาษาอังกฤษปรากกฏบนจอ ถ้าเสียงเป็นภาษาอังกฤษ เราก็จะได้ศึกษาทั้ง listening และ reading ที่เป็น subtitle; แต่ถ้าเสียงเป็นภาษาอื่น เราก็ยังได้ฝึก reading กับ subtitle ที่เป็นภาษาอังกฤษ

วีดิโอพวกนี้ มีหลายตอนที่ดีมาก เพราะมาก สนุกมาก น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็น song, story, tale, cartoon, documentary, movie, หรือ บทเรียนภาษาอังกฤษ (ESL) อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะพยายามหาวิธีคัดวีดิโอที่ไม่น่าดูออกไปแล้ว ก็อาจจะมีบางตอนที่ไม่ดีหลงเข้ามา ท่านก็อย่าไปยุ่งกับมันแล้วกันครับ

อย่าลืมอ่าน คำแนะนำ ในการใช้ YouTube นะครับ

ต่อไปนี้เชิญหาความสำราญ และศึกษาภาษาอังกฤษจาก subtitle ของวีดิโอ YouTube ได้แล้วครับ
Song
เพลงที่ผมเผอิญพบและชอบ เลยเอามาฝาก
The Jewish-Arab Peace Song (w/ English subtitles)
Fairy Tales- Nathan and Haley

Story

Tale นิทาน

Cartoon

Documentary สารคดี

Movie และ ที่นี่

ESL (English as a Second language)

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com