วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

[2257] ภาษาอังกฤษสำหรับขายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ


สวัสดีครับ

วันนี้ผมมีเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ มาคุยเกี่ยวกับการขายของให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ

ผมเคยถามคนขายของที่พัทยาว่าคุยภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวต่างชาติลำบากไหม ได้รับคำตอบว่าไม่ลำบาก พร้อมกับหยิบเครื่องคิดเลขและพูดว่าคุยด้วยไอ้นี่ ไม่ว่าจะเป็นการบอกราคา หรือต่อรองราคา ไม่ต้องพูดมาก ใช้นิ้วกดอย่างเดียวก็รู้เรื่อง 

ผมเองเคยไปเที่ยวและซื้อของที่จีน  อินเดีย ลาว เวียดนาม ก็เห็นว่าพ่อค้าแม่ค้านี่นั่นก็ใช้วิธีนี้ จนกลายเป็นว่า  การซื้อขายไม่จำเป็นต้องพูด เมื่อเลือกได้ของที่ชอบใจ ก็ถามและต่อรองราคาผ่านเครื่องคิดเลข ถ้าพอใจก็ซื้อ ไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อ ...จบ.

การซื้อขายสไตล์ข้างบนนี้ มักไม่มีการติดราคา และทางร้านมักบอกราคาผ่านเยอะ ๆ คนซื้อก็มักต่อเยอะ ๆ จนน่าตกใจ เช่น บอกราคา 1,000 ก็ต่อเหลือ 300 ถ้าคนขายตอบตกลงทันทีก็จะนึกเสียดายว่าต่อน้อยเกินไป แต่ถ้าเขายอมขายตามที่ต่อก็ต้องซื้อ มิฉะนั้นอาจถูกด่า และดูเหมือนนี่เป็นธรรมเนียมของการซื้อขายสไตล์นี้


แต่สไตล์นี้ไม่ใช่สไตล์การซื้อขายของตามห้างที่นักท่องเที่ยวจากบางชาติที่พัฒนาแล้วคุ้นเคย เพราะเขาชอบให้ติดป้ายบอกราคาเป็นการแน่นอน และขายด้วยราคานั้นแก่ผู้ซื้อทุกคนโดยไม่ต้องไม่ต้องใช้ทักษะในการตื๊อหรือต่อมาเกี่ยวข้องในการซื้อขาย  แต่เท่าที่สังเกตดูก็มีนักช็อปจากหลายชาติที่ชมชอบรสชาติของการต่อสินค้า และถือเป็นความเพลิดเพลินก่อนการจ่ายเงิน

สิ่งที่ผมกำลังจะคุยด้วยต่อไปนี้ ถ้าท่านเป็นเจ้าของร้านที่ขายของให้คนต่างชาติ ก็ลองนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์แล้วกันครับ
[1] น่าจะมีป้าย Welcome เพื่อต้อนรับและผูกไมตรีไว้ที่หน้าร้าน นี่อาจจะดูเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็เป็นสิ่งดีที่ควรทำ

[2] กล่าวทักทายด้วยคำทักทายพื้นฐานง่าย ๆ เช่น
Good morning,
Good afternoon,
Good evening,
Hi, how are you?
How are you doing?
ถ้าเป็นคนสูงอายุสักหน่อย  จะเพิ่ม Ma’am หรือ Sir เข้าไปหน่อย ก็ดี เช่น
Good morning  Ma’am
Good morning  Sir เป็นต้น

[3] ติดราคาที่แน่นอนไว้ที่ตัวสินค้า
การติดราคาเหมาะกับฝรั่งที่ไม่นิยมการต่อราคา  ซึ่งเขาสามารถตัดสินใจได้ทันทีเมื่อดูคุณภาพของสินค้าและราคาของ โดยไม่ต้องถามราคาจากพนักงานขายให้เสียเวลา  ถ้าทางร้านจะมีส่วนลดก็ติดป้ายบอกไปให้ชัดเลย เช่น ซื้อ 10 แถม 1 (buy 10 get 1 free)  การติดราคาไว้ที่ตัวสินค้านี้ ทำได้ไม่ว่าสินค้าจะมีราคาสูงหรือต่ำ

[4] เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว ควรปล่อยให้เขาเดินดูสินค้าตามสบาย เราอาจจะพูดไปด้วยก็ได้ว่า เชิญดูตามสบาย Take your time หรือ Please call me when you are ready ซึ่งการติดป้ายบอกราคาสินค้าจะทำให้เขาตัดสินใจได้ง่าย ไม่ต้องถามเรา ขอย้ำครับ อย่าเดินตามเขา เขาจะรู้สึกกระอักกระอ่วน   เมื่อเขาถามจึงค่อยตอบ  ถ้าหากเขาทำท่าทางลังเล เราอาจจะบอกหรือถามเขาว่า  May I help you? หรือ What can I do for you? เป็นต้น
[5] ในการรับ-ส่ง เงิน, เงินทอน, ใบเสร็จ ให้ส่งจากมือเราถึงมือของลูกค้า ไม่ใช่วางไว้บนโต๊ะ หรือวางไว้บนตู้ และให้เขามาหยิบไปเอง อันนี้ฝรั่งถือมากว่าไม่ให้เกียรติ และเป็นมารยาทที่ไม่ดี ตอนที่ยื่นของที่มือเขา ก็น่าจะพูดเติมประโยคทำนองนี้ไปด้วย  เช่น
Here you go
Here you are
This is your receipt (ใบเสร็จ), This is your change (เงินทอน)
Thank you
Please come again

ท่านใดมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ เขียนมาเล่าบ้างซีครับ
ขอขอบคุณ “ท่าน” มากครับที่ให้ข้อมูลซึ่งจุดความคิดให้ผมเขียนคุยเรื่องนี้

พิพัฒน์

4 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดิฉันเป็นพนักงานขายสินค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างการสนทนากับ
ชาวต่างชาติเป็นเรื่องที่ยากกับตัวฉันเพราะพูดไม่เก่งแต่ก็พยามฝึกพูดถ้าใครมีเคล็ดไม่ลับช๋วยบอกวิธีการพูดแบบง่ายๆด้วยค่ะ

pipat - blogger กล่าวว่า...

บางเล่มในลิงค์นี้ อาจจะเป็นประโยชน์นะครับ
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=158:2012-12-07-03-01-28&catid=34&Itemid=130
พิพัฒน์

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดิฉันเป็นนักศึกษา มีความสนใจที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับสำนวนและคำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับงานขาย เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำโครงการ วิจัย เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวดิฉันเพื่อจะนำไปเผยแพร่ให้แก่เพื่อนๆและพนักงานขายต่อไปในอนาคตได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บ้านดิฉันเป็นร้านขายของชำ การสนทนากับชาวต่างชาติก็เป็นเรื่องที่ลำบาก ตัวดิฉันเก่งก็พอจะพูดได้แต่ไม่ค่อยกล้ากลัวจะพูดผิด ใครมีเคล็ดลับในการพูดก็ช่วยบอกทีน่ะค่ะ