วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

[2397] คำแนะนำในการเรียนภาษาอังกฤษของครูฝรั่ง ต้องมี 3 อย่างนี้




สวัสดีครับ

ผมไปเจอคลิปวีดิโอนี้  ซึ่งคุณ Randall Webmaster ของ http://www.esl-lab.com  ซึ่งเป็นเว็บการฝึกฟังภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงระดับโลก


คุณ Randall บอกว่าเขาพบว่ามีนักศึกษาจำนวนมากที่เมื่อศึกษาภาษาอังกฤษไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองพบทางตัน เขาจึงแนะว่า ควรจะต้องเปลี่ยนวิธีใหม่เพื่อปรับปรุงการศึกษาภาษาอังกฤษ โดยเขายกมา 3 อย่าง คือ
1.อาจจะต้องมีครูคอยช่วยบ้าง สัปดาห์ละ 1 หรือ 2 ครั้ง
you might need a specialized tutor to help you, maybe once or twice a week.
2.จะต้องมี study plan กำนนดให้ชัด ๆ เช่น เวลานี้-วันนี้ จะเรียนอย่างนี้  แล้วต่อไปจะเรียนอย่างนั้น  อย่างโน้น จะต้องวางแผนการเรียนให้เหมาะสมกับตัวเอง
 So, you have to have some type of (study) plan.
3.ต้องไปเข้ากลุ่มพบปะผู้คนเพื่อให้ได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษบ้าง
And the last thing is  that going out into the community and being involved in clubs, ….  will give you opportunities to expand and apply your language.

และคุณ Randall ก็สรุปว่า การรียนเป็นเรื่องที่ต้องอึด, ต้องอดทน, ต้องทำงานหนัก ผู้เรียนต้องต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าต้องการหรือไม่ที่จะไปให้ทะลุเพดานที่ขวางความก้าวหน้าของการฝึกภาษาอังกฤษ  ให้มันเก่งกว่าที่เป็นอยู่ขณนี้  ถ้าต้องการก็ต้องทำอะไรใหม่ ๆ อย่างที่เขาแนะนำบ้าง
 In other words, learning is really tough; it takes a lot of work, and you have to really decide if you're going to break the ceiling of English. In other words, go beyond where you already are, and that takes a new strategy often for many students.

สรุปก็คือ ต้องมี 3 อย่าง คือ
1.เจอครูบ้าง
2.มีแผนการเรียน
3.มีสังคมให้ได้ใช้ภาษาอังกฤษ

สำหรับคำแนะนำของคุณ Randall 3 ข้อนี้ ผมมีความเห็นอย่างนี้ครับ
ข้อ1.เรื่่องเจอครูนั้น   ถ้ายังเป็นนักเรียน อาจจะทำได้ง่ายหน่อย (แม้บางสถานที่อาจจะต้องพยายามมากกว่าปกติสักนิด)  แต่ถ้าไม่ได้เป็นนักเรียนแล้ว และทำข้อนี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องท้อครับ ในโลกอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้มีคำตอบมากมายรอให้ท่านเข้าไป Search ขอเพียงให้ท่านมีจิตใจใฝ่เรียนรู้ที่เข้มข้นเท่านั้น  (ผมมีความรู้สึกส่วนตัวว่า ระบบการศึกษาของไทย ไม่ได้ฝึกอย่างเพียงพอ ให้นักเรียนนักศึกษามีความสามารถในการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเอง หรือ self-study ถ้าท่านก็เป็นเหยื่อของระบบเช่นนี้, ไม่ใช่เพราะว่าท่านขี้เกียจ, ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาต่อว่าระบบหรอกครับ, ฮึดขึ้นสอนตัวเองตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สายหรอกครับ)

2.มีแผนการเรียน  เรื่องนี้ผมเคยพูดไว้บ้างแล้ว ที่ลิงค์นี้
[334]สองลิ่งที่ต้องทำเอง:1.วางแผน 2.ลงมือเรียน

3.มีสังคมให้ได้ใช้ภาษาอังกฤษบ้าง – การอยู่ในบรรยากาศที่เป็นไทยล้วน ๆ นี้ อาจจะทำได้ยาก แต่มันก็พอทำได้อยู่เหมือนกัน   เช่น ใช้วิธี English phone conversation ท่านลองนัดแนะกับเพื่อนที่รู้ใจว่า จะช่วยกันพัฒนา conversation skill โดยการสนทนาภาษาอังกฤษทางโทรศัพท์ 

ทำไมต้องสนทนาทางโทรศัพท์ เพราะว่าคู่สนทนาจะได้พูดให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้เรื่อง และขณะเดียวกันก็ต้องมีสมาธิเงี่ยหูฟังสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งพูด จึงเป็นการฝึกทั้ง speaking และ listening skill โดยไม่ต้องอ่านภาษาหน้าตาหรือภาษาท่าทาง การที่พูดกันต่อหน้าด้วยภาษาอังกฤษและเราเข้าใจ มันอาจจะเป็นความเข้าใจที่บวกกับการอ่านสีหน้าและท่าทาง แต่ถ้าคุยกันทางโทรศัพท์เราจะรู้ว่า เราพูดให้เพื่อนรู้เรื่องได้หรือเปล่า หรือเราสามารถฟังเพื่อนพูดรู้เรื่องหรือเปล่า 

ทั้งนี้เราอาจจะตกลงหัวข้อการพูดโดยเจาะจงไว้ก่อน ข้อสำคัญที่สุดของการฝึกวิธีนี้ก็คือ 1)ต้องพูดให้ครบตามเวลาที่ตกลงกันไว้ และ 2)ห้ามแทรกภาษาไทยระหว่างการพูดเด็ดขาด ยกเว้นชื่อเฉพาะ

ถ้าการฝึกพูดภาษาอังกฤษทางโทรศัพท์เป็นเรื่องยากเกินไป ก็นัดแนะตั้งกลุ่มสนทนาภาษาอังกฤษกันต่อหน้าก็ได้ครับ

สำหรับการเขียน ที่นิยมกันขณะนี้คือพิมพ์ chat กันทาง smartphone นั้น ท่านลอง chat เป็นภาษาอังกฤษบ้างซีครับ  หรือ ท่านอาจจะตั้งกลุ่ม facebook เล็ก ๆ เฉพาะคนรู้ใจที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษ โดยมีเงื่อนไขว่า ทุกข้อความที่ pose ต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น

ผมเห็นว่า มันก็มีอะไรหลายอย่างที่พอทำได้นะครับ  ถ้าเราตั้งใจจริงที่จะทำ

พิพัฒน์

ไม่มีความคิดเห็น: