สวัสดีครับ
ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ผมถูกสอนจากหลายที่หลายทาง ทั้งจากผู้คนและจากหนังสือว่า การอ่านประวัติของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของโลก หรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านต่าง ๆ ในชีวิตจะช่วยทำให้เราได้แง่คิด ตัวอย่าง หรือแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยผลักดันให้ชีวิตของเราดีขึ้น มีบางยุคบางสมัยที่ผมเห็นหนังสือพวกนี้ออกมามากมายในร้านหนังสือ
แต่ผมต้องขอสารภาพกับท่านผู้อ่านตรงนี้ว่า หนังสือที่กล่าวมาข้างต้นผมแทบไม่เคยหยิบมาอ่านจนจบเล่มเลย เพราะผมมีความรู้สึกว่า สิ่งที่หนังสือพวกนี้ส่วนมากบอกเราก็คือ ทำอย่างไรจึงจะรวยที่สุด มีชื่อเสียงมากที่สุด และมีอำนาจมากที่สุด มันเหมือนกับรูป ‘ฮก ลก ซิ่ว’ ของคนจีนซึ่งเขามักจะถือกันว่า คือ 3 สิ่งที่เป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ คือ ‘ฮก’ เป็นรูปขุนนางจีน ซึ่งคงหมายถึงอำนาจและชื่อเสียง, ‘ลก’ เป็นรูปพ่อค้า ซึ่งหมายถึงความร่ำรวยและทรัพย์สมบัติ และตัวสุกท้าย คือ ‘ซิ่ว’ เป็นรูปคนแก่มีเคราขาวยาวเฟื้อย ซึ่งหมายถึงการมีอายุยืนยาว อุดมคติในการใช้ชีวิตทำนองนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือแปลของฝรั่งที่กระตุ้นให้เราวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อไปให้ถึงขีดสูงสุดของชีวิต หรืออุดมคติแบบ ฮก ลก ซิ่ว ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จในการดำเนินชีวิต คือ ตำแหน่ง อำนาจ ทรัพย์สมบัติ และการมีชีวิตยืนยาว เมื่อผมเริ่มมีอายุมากขึ้น ผมก็เริ่มรู้สึกเฉย ๆ กับคำแนะนำหรือคำสอนในการดำเนินชีวิตทั้งแบบตะวันตกและแบบตะวันออกที่กล่าวมาแบบนี้ ซึ่งโดยสาระแล้วก็ไม่ต่างกันเลย แม้ว่าจะมีวิธีพูดหรือการนำเสนอที่ต่างกันบ้างก็ตาม
พูดกันจริง ๆ แล้วผมใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปีเพื่อตอบคำถามนี้ว่า ‘คนเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร’ และคำตอบที่ถูกต้องจะต้องช่วยให้เรามีจิตใจที่สงบและเป็นสุข ไม่ว่าเราจะพบกับเหตุการณ์ใดในชีวิต หลังจากค้นหาอยู่นานผมก็ได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าได้ให้คำตอบต่อคำถามนี้มากว่า 2,500 ปีมาแล้ว นั่นคือ
1. สพฺพปาปสฺส อกรณํ คือ การไม่ทำบาปกรรมความชั่วทั้งปวง เป็นไปได้ไหมที่เราจะไม่คิดชั่ว-พูดชั่ว-ทำชั่ว ในชีวิตประจำวันที่เราทำการงานและพบปะผู้คนมากมาย ถ้าการพูดจริงจะทำให้เราเสียผลประโยชน์ก็ช่างมัน เราเลือกที่จะพูดจริงดีกว่าหรือไม่อย่างนั้นก็เลือกที่จะไม่พูด ไม่ตอบคำถาม หรือไม่มีความเห็นซะเลย การทำความชั่วไม่ว่ามากหรือน้อยคือการกินอาหารที่มีสารพิษ มันอาจจะไม่แสดงผลทันที แต่มันจะแสดงผลแน่ ๆ และอาจจะแสดงผลในเวลาที่เราไม่คาดคิดก็ได้
2. กุสลสฺสูปสมฺปทา คือ การทำให้ชีวิตนี้เป็นประโยชน์ต่อโลกนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งหมายถึงต้องวางแผนในการทำความดี ถ้างานประจำที่เราทำอยู่ไม่สามารถนับเป็นการทำ ‘ความดี’ ได้ เพราะมันคือการแลกเปลี่ยนตามข้อตกลงของสังคมที่ทำให้เราได้เงินเดือน หรือกำไร เราก็น่าจะหาช่องทางอื่นในการทำความดีแทรกเข้าไปในงานประจำที่เราทำ หรือใช้เวลานอกงานประจำทำความดีอะไรบางอย่าง หรือถ้าไม่มีโอกาสจริง ๆ ก็ควรจะแบ่งเงินเดือนที่เราได้รับเป็นประจำนั้นให้แก่สังคมบ้าง การทำงานอดิเรกหรืองานอาสาสมัครบางอย่างที่เหมาะกับบุคลิก ทักษะ หรือเวลาว่างที่เราพอจะเจียดได้ เป็นสิ่งที่ควรค้นหาให้พบ และทำให้ได้ เราควรมีหลักประจำใจว่า ใน 1 วันขอให้เราได้มีโอกาสทำความดีอะไรก็ได้อย่างน้อยสัก 1 อย่าง เพราะการทำดีคือการใส่ปุ๋ยให้แก่ชีวิต เมื่อเราให้ความสุขแก่คนอื่นเราก็จะได้รับความสุขตามไปด้วย และหลายครั้งที่ผลของการทำความดีด้วยใจบริสุทธิ์ตามมาสนองเป็นโบนัสให้เราในภายหลังโดยที่เราไม่คาดคิด
3. สจิตฺตปริโยทปนํ คือการทำจิตของตนเองให้สะอาด สว่าง สงบ ในชีวิตของคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาทำงานที่เราต้องพบปะกับคนผู้คนมากมาย หรือพบกับการงานที่ยุ่งยากวุ่นวาย เราสามารถหรือไม่ ที่จะทำให้ใจของเราสงบอยู่ได้ หรือรักษาใจให้วุ่นวายน้อยที่สุด เราต้องนำคำสอนเรื่อง ‘สติ’ มาใช้ให้ได้จริง ๆ คือ ‘ปล่อยวาง’ ไม่ปล่อยให้ใจ ‘เป็นทุกข์’ เมื่อพบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ไม่ยอมให้ตัวเอง ‘ทำชั่ว’ เมื่อมีโอกาสจะทำเพราะผลประโยชน์มันรออยู่ข้างหน้าและไม่มีใครรู้เห็น และการมีสติยังหมายถึงการมองหาช่องทางใหม่ ๆ ในการ ‘ทำดี’ อีกด้วย
เพราะคำสอน 3 ข้อของพระพุทธเจ้านี่แหละครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเอง ‘พบแล้ว’ และไม่จำเป็นต้องแสวงหาความหมายหรือคำตอบให้แก่ชีวิตอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องแสวงหาความเห็นหรือคำแนะนำของผู้รู้อื่น ๆ และเลยไปถึงว่าทำให้ผมรู้สึกเฉย ๆ ต่อหนังสือประเภท How-to หรือหนังสือแนะนำการใช้ชีวิตที่ฝรั่งเขียนและมีการแปลเป็นภาษาไทยมากมายวางขายในร้านหนังสือ
การดำเนินชีวิตคามหลัก 3 ประการของพระพุทธเจ้าดังที่กล่าวมานี้ อาจจะไม่ได้ทำให้เราเป็นคนรวยที่สุด มีตำแหน่งใหญ่โตที่สุด หรือมีชื่อเสียงมากที่สุด แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ เราจะมีชีวิตดังที่ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวไว้ คือ ‘มีชีวิตที่อยู่เย็นและเป็นประโยชน์’ มากที่สุด
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือไตเติ้ลที่ผมขอชักนำท่านเข้าสู่เรื่องที่ผมต้องการจะพูด คือ ผมไปพบหนังสือเรื่องหนึ่งชื่อ “Chicken Soup for the Soul” แต่งโดย Jack Canfield และ Mark Hansen เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวชีวิตต่าง ๆ ของผู้คนซึ่งผมเห็นว่า เป็นตัวอย่างที่งดงามของการดำเนินชีวิตที่ ‘อยู่เย็นและเป็นประโยชน์’ บางเรื่องอาจจะติดธรรมเนียมของฝรั่งอยู่บ้างแต่ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในสังคมไทย บางเรื่องดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กน้อยแต่ผลกลับยิ่งใหญ่มาก ผมขอฝากเรื่องนี้ให้ท่านอ่านด้วยความหวังว่า ท่านจะได้เห็นการใช้ชีวิตที่ไม่สุดโต่งไปในการแสวงหาอำนาจลาภยศชื่อเสียงอย่างบ้าคลั่ง แต่เห็นตัวอย่างการใช้ชีวิตที่สมดุลย์ สงบเย็น และเป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิตในโลกนี้
[วิธีดาวน์โหลด: คลิกขวาที่ลิงค์, คลิกซ้าย Save Target As..]
ดาวน์โหลด “Chicken Soup for the Soul” chicken_soup ไฟล์ pdf
ดาวน์โหลด “Chicken Soup for the Soul” chicken_soup ไฟล์ word
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
5 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากค่าาาา
โหลดไม่ได้อ่ะคะ
ถ้าเป็นเว็บ dsd โหลดไม่เคยได้เลยครับ
ตอนนี้ Chicken Soup ดาวน์โหลดได้แล้วครับ
พิพัฒน์
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ
เป็นกำลังใจให้คะ....
แสดงความคิดเห็น