วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551
วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551
[364] สิ่งที่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านช่วย
ผมอยากขอความกรุณาจากท่านผู้อ่าน ในเรื่องต่อไปนี้ครับ
1. ถ้าท่านเห็นว่า Blog นี้มีประโยชน์ต่อการศึกษาภาษาอังกฤษ ก็ช่วยบอกต่อ ๆ กันไปด้วยนะครับ ถือว่าเป็นการทำบุญทางการศึกษาก็ได้ครับ ท่านไม่จำเป็นต้องจำที่อยู่ของเว็บไซต์ เพียงบอกเขาว่า ให้ไปที่ Google แล้วพิมพ์ลงไป 2 คำ คือ ภาษาอังกฤษ ฟรี เว็บแรกที่ Google โชว์นั่นแหละครับ คือ Blog นี้ หรือถ้าท่านต้องการจำชื่อ URL ก็ง่าย ๆ ครับ http://www.e4thai.com/ หรือถ้าท่านมีเพื่อนที่เป็น webmaster หรือเป็นเจ้าของ Blog ก็แนะนำ Blog นี้ให้เขาทราบ แต่ที่ขอมาทั้งหมดนี้หมายความว่า ท่านเห็นก่อนว่า Blog นี้มีประโยชน์ ถ้ายังเห็นว่า Blog นี้ยังมีคุณภาพไม่ดีพอ ก็อย่าเพิ่งไปบอกคนอื่นนะครับ
2. ถ้าท่านพบลิงค์ที่ไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ หรือที่เรียกว่า “ลิงค์ตาย” ช่วย copy ลิงค์นั้นและแจ้งให้ผมทราบด้วย ที่ “แสดงความคิดเห็น” ท้ายบทความ หรือที่อีเมลนี้ GemTriple@gmail.com
3. ถ้าไปพบเว็บหรือลิงค์ดี ๆ ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551
[363] เรียนอังกฤษกับ BBC,CNN,VOA & อีกหลายเว็บ
เว็บของสำนักข่าวข้างล่างนี้ มีบริการด้านการศึกษาภาษาอังกฤษด้วย ดีสุด ๆ ทุกเว็บ เข้าไปคลิกดูเอาเองแล้วกันนะครับ
BBC
http://www.bbc.co.uk/learningenglish/
http://www.bbc.co.uk/skillswise/
BBC with YouTube
http://www.youtube.com/BBC
http://www.youtube.com/profile?user=bbcworldwide
British Council
http://www.learnenglish.org.uk/
http://www.teachingenglish.org.uk/
CNN
http://www.literacynet.org/cnnsf/archives.html
http://www.literacynet.org/cnnsf/
CNN with YouTube
http://www.youtube.com/cnn
VOA
http://www.voanews.com/specialenglish/
http://www.manythings.org/e/voa.html
http://iteslj.org/v/e/voa-special_english.html
Bangkok Post
http://www.readbangkokpost.com/
http://www.bangkokpost.com/education/index.htm
http://www.student-weekly.com/thisweek/
The Nation
http://www.nationmultimedia.com/edu/
http://www.nationmultimedia.com/edu/backissue.html
รวมลิงค์เรียนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจมาก ๆ
http://home.hiroshima-u.ac.jp/flare/EnglishStudySite.html
Video and audio resources for learning English
http://www.english-test.net/
http://www.studyoverseas.com/el/news_page.htm
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551
[362]หาประโยคตัวอย่าง Th-En & En-Th ได้จากที่ไหน
เพิ่มเติมเว็บที่ให้ตัวอย่างประโยค
1.http://new.wordsmyth.net/?mode=rs
พิมพ์คำลงในช่อง Search for entries that contain: และติ๊กเลือก Example
2.[1103]ด/ล คลังประโยคตัวอย่างมหึมา จาก COBUILD Dict
สวัสดีครับ
ทุกวันนี้คุณภาพของดิกชันนารีที่มีขายในท้องตลาดดีกว่าสมัยที่ผมเป็นวัยรุ่นอย่างเทียบกันไม่ได้เลย ดิกชันนารีสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย ไม่เพียงแต่แปลศัพท์เป็นคำ ๆ เท่านั้น แต่ยังพยายามบรรจุวลีและคำประสมเข้าไปด้วย ผลต่างก็คือในขณะที่คนรุ่นผมเมื่อต้องใช้วลีหรือคำประสมแปลก ๆ ก็ต้องมานั่งคิดเองว่า ภาษาอังกฤษมันคือคำว่าอะไร แต่คนรุ่นนี้ก็ไม่ต้องลำบากมากเพราะมีผู้รู้รวบรวมแปลมาจากดิกชันนารีอังกฤษ – อังกฤษเลย และก็เช่นเดียวกันดิกชันนารีอังกฤษ – อังกฤษสมัยนี้ก็ดีกว่าสมัยก่อนเยอะเพราะมีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการสร้าง database จึงทำให้ทุกอย่างดีกว่าสมัยก่อนในทุกเรื่อง
ดิกชันนารีอังกฤษ – ไทยในบ้านเรา นอกจากพัฒนาเรื่องคำศัพท์ วลี และคำประสมซึ่งแจกลูกคำอย่างมากมายทำให้สะดวกต่อการใช้อย่างยิ่งแล้ว ยังมีพัฒนาการอีกอย่างหนึ่ง คือ นักวิชาการหลายท่านได้แปลดิกชันนารีอังกฤษ – อังกฤษ เป็นดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ – ไทย ก็คือว่า ดิกชันนารีอังกฤษ – อังกฤษ ซึ่งมีตัวอย่างประโยคมากมายเป็นภาษาอังกฤษให้ไว้นั้น ประโยคเหล่านี้ยังได้รับการแปลเป็นภาษาไทยอีกต่อหนึ่ง เพราะฉะนั้นคนยุคนี้จึงมีตัวช่วยมากขึ้นในการแต่งประโยค และแปลประโยคจาก อังกฤษเป็นไทย
แต่… แต่การแปลจากไทยเป็นอังกฤษ กลับพัฒนาช้ากว่ามาก
เรามาดูเฉพาะตัวอย่างในอินเตอร์เน็ตแล้วกันครับ
ข้างล่างนี้ผมได้รวบรวม ดิกชันนารี ไทย – อังกฤษ ไว้ ท่านจะสังเกตได้ว่า เมื่อท่านพิมพ์คำไทยอะไรก็ได้ลงไป 1 คำ ถ้าคำนี้สามารถแจกลูกออกเป็นคำประสมได้ เขาก็จะพยายามรวมรวมไว้ให้ท่าน ลองทดลองกับดิกชันนารี online ไทย – อังกฤษ ข้างล่างนี้ ผมขอให้ท่านทดลองพิมพ์คำว่า รัก, ใจ, บ้าน, ช่าง ฯลฯ ลงไป ท่านจะเห็นการแจกลูกป็นวลีหรือคำประสมอีกหลายคำ
http://www.tumcivil.com/dict/
http://truehits.net/dic.php
http://dict.longdo.com/
http://thai-language.com/
http://english-thai-dictionary.com/
http://wordbook.rackhub.com/appendix/a.html
http://www.nextproject.net/online/dictionary/
(เฉพาะเว็บสุดท้ายนี้ ท่านสามารถเลือก Xตรงตัว Xขึ้นต้นด้วย หรือ Xเป็นส่วนประกอบ
แต่ทำไมผมจึงบอกว่าการจัดทำดิกชันนารี ไทย – อังกฤษ พัฒนาไปช้ากว่า การทำดิกชันนารี อังกฤษ - ไทย ผมขอยกตัวอย่างแบบนี้ครับ
สมมุติว่า ท่านต้องการแต่งประโยคภาษาไทยว่า “คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันดีพอ” หรือ “ประเทศต้องการนักการเมืองที่เข้าใจปัญหาของประเทศอย่างลึกซึ้ง” หรือ . “เขาไม่ได้เข้าใจบทบาทของตัวเอง จึงทำงานผิด ๆ พลาด ๆ หลายครั้ง” จาก 3 ประโยคนี้ แม้จะใช้คำว่า “เข้าใจ” เหมือนกัน แต่คำในภาษาอังกฤษที่มีความหมายในทำนองว่า “เข้าใจ” ก็มีหลายคำ เช่น understand, absorb, accept, appreciate, apprehend, catch, compass, comprehend, conceive, conjecture, decode, deduce, dig, digest, discern, encompass, fathom, follow, gather, get, grasp, infer, interpret, ken, know, learn, penetrate, perceive, realize, reason, recognize, see, sense, solve, surmise, sympathize, think แล้วเราจะใช้คำไหนล่ะครับที่เหมาะสมที่สุดในการแปลจากประโยคภาษาไทยหนึ่ง ๆ เป็นประโยคในภาษาอังกฤษ
ผมไปเดินดูที่ชั้นดิกชันนารีในร้านหนังสือ ก็ได้เห็นว่า นอกจากดิกชันนารี ไทย – อังกฤษ ฉบับห้องสมุด ( 1 ชุดมี 2 เล่ม) ของอาจารย์สอ เสถบุตรแล้ว ก็ไม่มีเล่มไหนอีกเลยที่ให้ตัวอย่างแสดงการใช้คำไทยคำหนึ่ง ๆ ในเนื้อหาประโยคภาษาไทยหลาย ๆลักษณะ เมื่อไม่มีตัวอย่างเช่นนี้ให้เราศึกษาเยอะๆ ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เรารู้สึกง่ายที่จะแปลประโยคภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย แต่กลับไม่ง่ายที่จะแปลจากประโยคภาษาไทยเป็นประโยคภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจหรือพอใจ ยกเว้นก็เฉพาะคนที่เชี่ยวชาญจริง ๆ เท่านั้น
เรื่องที่ผมบ่นมาทั้งหมดนี้ ยิ่งพูดมากก็ยิ่งมากเรื่อง ผมจึงขอหยุดไว้เพียงเท่านี้ ที่เหลือท่านเอาไปคิดต่อเองแล้วกันครับ แต่ผมมีของแถมให้ท่าน 2 เว็บ ซึ่งจะช่วยให้ท่านเห็นการแปลไป – มา ระหว่างประโยค ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
เว็บที่ 1:
ผมเคยเขียนแนะนำคอลัมน์ Translate It ของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post โดยที่นักเขียนที่เป็นนักแปลชั้นครูเอาต้นฉบับภาษาอังกฤษมาแปลเป็นภาษาไทยให้ดู น่าศึกษาครับว่าการแปลที่ดีควรจะแปลยังไง ผมเขียนไว้ที่ลิงค์นี้ครับ
[199] เรียนแปลข่าวจากนักแปลชั้นครู (แจกไฟล์)
ผมเห็นว่า เราน่าจะใช้ประโยชน์จากบทแปลของท่านผู้รู้เหล่านี้ได้ เช่น สมมุติว่า เราต้องการรู้ว่า คำว่า ร่วมมือ เขามีการเขียนเป็นภาษาอังกฤษโดยใช้คำว่าอะไรบ้าง ถ้าเราได้เห็น เราจะได้สังเกต – ศึกษา เมื่อทำบ่อย ๆ เราก็คงจะเก่งขึ้นมาบ้าง วิธีการทำอย่างนี้ครับ
1. ไปที่เว็บ Google: http://www.google.com/
2. พิมพ์ข้อความในช่อง Search โดยใช้รูปแบบนี้
ร่วมมือ “translate it” site:www.bangkokpost.com
3. Enter
4. ถ้าใน database ของคอลัมน์ Translate It มีคำนี้อยู่ เขาก็จะแสดงคำนี้ทั้งไทยและอังกฤษเทียบให้เราดู
5. ตอนหาคำว่า ร่วมมือ ในหน้าเว็บ เพื่อมิให้ท่านต้องปวดหัวต้องไล่อ่านทุกบรรทัด ให้ท่าน กด Control พร้อมกับกดแป้น keyboard ตัว F (Control+F), และพิมพ์คำว่า ร่วมมือ ลงไปในช่อง Find, คลิก Next ท่านก็จะเห็นว่า คำว่า ร่วมมือ อยู่ตรงไหน แล้วลองหาแถว ๆ นั้นดูว่า มันเทียบเคียงกับคำอะไรในภาษาอังกฤษ คือให้ท่านอ่านประโยคเต็มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเทียบกัน
ผมขอยกเอาประโยคตัวอย่างจาก ลิงค์นี้ มาให้ท่านดู
โครงการนี้ได้ดำเนินการร่วมมือกันในระหว่างส่วนราชการท้องถิ่น ภาคเอกชน องค์การนอกภาครัฐ หรือเอ็นจีโอ และชุมชนท้องถิ่นหลายแห่ง
The project has been jointly undertaken by local government bodies, the private sector, non-governmental organizations and local communities.
"ครั้นถึงทศวรรษที่ 1930เพื่อนคนหนึ่งบอกผมว่าเป็นเรื่องตลกที่จะให้คนอื่นผลิตเสื้อเชิร์ตที่ผมเป็นคนคิดขึ้นผมคิดว่าความคิดที่จะผลิตเสื้อเชิร์ตนี้นับเป็นสิ่งดี พวกเราเลยร่วมมือกันตั้งโรงงานผลิตเสื้อเชิร์ตขึ้น" — จาก รีดเดอร์ไดเจสต์ มกราคม1970
"Then in the 1930s, a friend told me that it was ridiculous to allow other people to manufacture shirts I had invented. The Idea seemed to me a good one and we combined forces to found a shirt factory." ___ Reader's Digest, January 1970
ความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการทหาร
MILITARY INTERNATIONAL COOPERATION
นอกจากสร้างภาพยนตร์แล้วแคมป์ได้ร่วมมือกับสมาคมเมตตาสัตว์แห่งอเมริกาและสถาบันสุขภาพสุนัขเบเยอร์เพื่อตั้งมูลนิธิ เพื่อนเบนจี้ ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือโรงเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ในการดูแลสัตว์ที่ถูกทารุณและถูกทอดทิ้งก่อนที่จะหาบ้านให้ จะมีภาพเบนจี้ในประกาศโฆษณางานบริการสาธารณะเพื่อเตือนให้ผู้คนทราบว่ายังมีสัตว์เลี้ยงดีๆ มากมายจากโรงเลี้ยงสัตว์ให้เลือกนำไปเลี้ยงได้
Besides the film, Camp has joined the American Humane Association and Bayer Animal Health to form Benji's Buddies Fund, which will help shelters treat abused and neglected animals before placing them in homes. Benji will also appear in public service announcements to remind people that good pets are available in shelters.
อีกโครงการหนึ่งดำเนินการโดยศูนย์แผ่นดินไหวแห่งแคลิฟอร์เนียตอนใต้ (หรือ SCEC) อันเป็นความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยที่เน้นการทำวิจัย โครงการนี้จะใช้เงินทุนจำนวน 102 ล้านดอลลาร์ (๓.๙ พันล้านบาท) จัดทำมาตรฐานอย่างเข้มสำหรับการทดลองเพื่อทำนายแผ่นดินไหว
Another project by the Southern California Earthquake Centre, a consortium of research universities, will use a $102 million (3.9 billion baht) grant to set strict standards for earthquake prediction experiments.
เว็บที่ 2: http://crcl.th.net/bitext/
ใน database ของเขาเป็นเรื่องสั้น หรือส่วนของเรื่องสั้นให้ท่านศึกษาเปรียบเทียบการแปลไทยเป็นอังกฤษ ท่านสามารถคลิกเลือกแบบ 2 บรรทัดซ้าย- ขวาเทียบกัน, หรือ บน – ล่างเทียบกัน ก็ได้ นอกจากนี้ท่านยังสามารถพิมพ์คำไทยหรือคำอังกฤษลงไป เพื่อค้นหาคำนี้ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่องภาษาไทย หรือในคำแปลภาษาอังกฤษก็ได้ เว็บนี้มีประโยชน์มากครับในการศึกษาคำแปลลักษณะที่เป็นวรรณศิลป์
ท่านทดลองสักนิดก็ได้ครับ โดยย่อขนาดของฟอนต์ให้เล็กหน่อย พิมพ์คำง่าย ๆ ลงไป เช่น คำว่า ความรัก ไม่รู้ ฯลฯ แล้วคลิก Search แล้วเปรียบเทียบการแปลระหว่างไทยกับอังกฤษ (ถ้าภาษาไทยกลายเป็นตัวยึกยืออ่านไม่ได้ ให้คลิกขวาที่หน้าจอ, คลิกซ้าย encoding, คลิกซ้าย Thai)
คำแนะนำหรือคำอธิบายที่ผมเขียนไว้ในบทความวันนี้ อาจจะไม่ชัดเจนนัก แต่ขอให้ท่านลองเล่นกับ 2 เว็บนี้สักพักหนึ่ง ก็จะรู้ได้เองว่า ท่านจะใช้ประโยชน์ในแง่ไหนจาก 2 เว็บนี้
ขอให้มีความสุขและเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นทุก ๆ วัน ทุก ๆ ท่านนะครับ
เพิ่มเติม: เว็บแสดงประโยคตัวอย่าง เพียงพิมพ์ key word ลงไป
http://www.natcorp.ox.ac.uk/
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551
วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551
[360] เว็บเรียนภาษาอังกฤษง่าย ๆ มีบ้างไหม?
นี่เป็นอีก 1 คำถามที่ผมถูกถามบ่อย คือ เว็บเรียนภาษาอังกฤษง่าย ๆ มีบ้างไหม? คำถามนี้ตอบยากจริง ๆ ต้องง่ายขนาดไหนล่ะถึงจะเรียกว่า ‘ง่าย’ บางคนอธิบายมาเสร็จสรรพว่าเอาเริ่มตั้งแต่ a, b, c, d.. เลย เหมือนกับว่าตัวเองไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาเลยในชีวิตยังงั้นแหละ โอ้ย ! เอาง่ายขนาดนั้นมันจะเกินไปหน่อยละมั้งแม่คุณ(พ่อคุณ)
อาจจะเป็นเพราะเริ่มแก่แล้ว ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงบทละครเรื่อง ท้าวแสนปม พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว มีตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ” ถ้าเป็นสำนวนนิยายจีนกำลังภายในของโกวเล้งก็ต้องบอกว่า “ไม่เข้าถ้ำเสือหรือจะได้ลูกเสือ” จะเก่งภาษาอังกฤษก็คงจะคล้าย ๆ กันนั่นแหละครับ ต้องอดทนบ้าง หรือต้องอดทนมาก แต่จะสำเร็จโดยไม่อดทนซะเลยคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
เมื่อคิดถึงคำถามของท่าน ผมก็พยายามคิดถึงเว็บง่าย ๆ คือเว็บอ่านกับเว็บฟัง เอา 2 เรื่องนี่ก่อน ส่วนเรื่องพูดและเขียนค่อยว่ากันอีกที
1. เว็บอ่าน
เว็บอ่านที่ผมเห็นว่าน่าจะใช้ฝึก ก็คือเว็บของนิตยสาร Student Weekly ที่ง่ายไม่ใช้เพียงเพราะเขาเขียนง่าย ๆ และใช้ศัพท์ง่าย ๆ แต่เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องของบ้านเรา เราจึงอ่านแล้วรู้สึกคุ้นเคย เมื่อถึงเวลาต้องเดาก็เดาได้ไม่ยาก
-Student Weekly ฉบับล่าสุด
http://www.student-weekly.com/thisweek/index.html
-Student Weekly ฉบับก่อน ๆ เขามีให้อ่านตั้งแต่ฉบับ February 4, 2008 เป็นต้นมา
http://www.student-weekly.com/backissue.html
ถ้าท่านใดรู้สึกว่า Student Weekly ก็ยังยากอยู่ ก็ให้นึกถึงคำพูดของรัชการที่ 6 และโกวเล้งที่ผมยกมาข้างบนแล้วกันครับ
2. เว็บฟัง
เว็บฟังที่ง่าย ๆ มีหลายเว็บทีเดียวครับ ผมรวบรวมไว้ที่ ลิงค์นี้
ถ้าท่านรู้สึกขี้เกียจก็ฝืนใจเอาหน่อยเถอะครับ เพราะว่าสิ่งที่เราอยากได้นี้มันไม่ได้ตกหล่นอยู่บนพื้นดิน แต่มันอยู่ข้างบนให้เราต้องปีนขึ้นไปเอา ค่อย ๆ ปีนไม่ต้องหักโหม เดี๋ยวก็ปีนถึงเองแหละครับ
เพิ่ม 12 ธค 51
http://www.mrtawat.com/basiceng/index.htm
ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษ ขั้นพื้นฐาน
ลองทำข้อสอบภาษาอังกฤษ ป.5 (Enta01JUN07)
ลองทำข้อสอบภาษาอังกฤษ ป.6 (Enta01JUN07)
ทดสอบภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน : Recovery Language School
English Verb Tenses มีทั้งหมด 5 บท
พิพัฒน์
pptstm@yahoo.com
วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551
[359] แนะนำ bangkokpundit.blogspot.com
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คอลัมน์ database ของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post เขาแนะนำ blog หนึ่งในหัวข้อ INTERNET SITE OF THE WEEK คือ http://bangkokpundit.blogspot.com/
Blog นี้เขานำเอาข่าวและบทความในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post และ The Nation และหนังสือพิมพ์นานาชาติฉบับ/เว็บอื่น ๆ มาลงใน Blog และก็เขียนวิจารณ์ต่อท้าย เจ้าของ Blog บอกว่าจะพยายามจำกัดเนื้อหาของ Blog ให้อยู่ในขอบเขตของการเมืองไทยและเหตุการณ์ในภาคใต้เท่านั้น
ผมลองอ่าน Blog นี้ดูและก็เห็นว่าน่าสนใจ คำว่า “น่าสนใจ” มิได้แปลว่า “เห็นด้วย” หรือ “เห็นแย้ง” กับคนเขียน Blog แต่น่าสนใจก็เพราะว่า เราได้อ่านข่าวและความเห็นเกี่ยวกับการเมืองของไทยเราที่ไปลงตีพิมพ์ในสื่อต่าง ๆ ทั่วโลก ประเด็นที่คนต่าง ๆ รวมทั้งคนเขียน Blog ซึ่งใช้นามปากกาว่า Bangkok Pundit หรือ BP วิจารณ์เรื่องราวการเมืองบ้านเรา ช่วยทำให้เราตั้งคำถามตอบตัวเองได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าเราจะมีจุดยืนทางการเมืองเป็นอย่างรก็ตาม ผมก็เลยอยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านเข้าไปอ่านข้อควมใน http://bangkokpundit.blogspot.com/ นี้ ซึ่งมีการ update บ่อยและทันกับเหตุการณ์มาก
ศึกษาเพิ่มเติม:
[26] อ่าน “ภาพข่าว”
The Nation: http://blog.nationmultimedia.com/
Bangkok Post: http://www.bangkokpost.com/blogs/
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[358] ถวายพระไตรปิฎกภาษาอังกฤษให้หลวงพี่
http://www.zone-it.com/61846
ดาวน์โหลดอีกชุดหนึ่ง
ส่วนแรก 95.37 MB http://tinyurl.com/yzsd59e
ส่วนที่สอง 83.97 MB http://tinyurl.com/yh9hva3
พระไตรปิฎกภาษาไทย 45 เล่ม เป็นไฟล์ WORD
บีบด้วย WinRar:
คลิก: http://www.4shared.com/file/125354537/a117f28b/Tripidok.html?s=1
บีบด้วย Zip:
- http://www.4shared.com/file/125354506/fd3d91de/Tripidok.html?s=1
- http://www.mediafire.com/file/dwm84w7cn1f78m4/Thai%20Tipitaka.zip
*****
นมัสการหลวงพี่และสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน
ในจำนวนเว็บไซต์ธรรมะภาษาอังกฤษหลาย ๆ เว็บที่ผมเคยเข้าไปดู ต้องถือว่า http://www.accesstoinsight.org/ ติดอันดับ Top Five แต่ถ้าจะให้พูดจริง ๆ ก็ต้องพูดว่า accesstoinsight.org เป็นเว็บธรรมะภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในโลกอินเตอร์เน็ต เพราะในเว็บนี้มีเนื้อหาสาระของธรรมะที่มีประโยชน์มากมายมหาศาลต่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม ฉะนั้นผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านเข้าไปดู เผื่อจะได้อะไรที่ถูกใจติดมือกลับออกมาบ้าง
ที่ accesstoinsight.org นี้มีธรรมะของพระภิกษุชาวไทยหลายรูปให้ท่านศึกษา คลิกที่นี่ครับ Thai forest traditions, ส่วนถ้าหลวงพี่หรือท่านใดต้องการศึกษาพระไตรปิฎกโดยตรงก็ไปที่นี่ Tipitaka
และสำหรับหลวงพี่ที่ยังไม่จุใจต้องการค้นคว้าเพิ่มเติม ก็ขอให้ไปที่ลิงค์ที่เว็บนี้แนะนำ คือ
http://www.accesstoinsight.org/outsources/index.html
รับรองว่ามีธรรมะให้ศึกษาอย่างจุใจแน่ ๆ เลยครับ
[357] ของเล่นของล่ามสมัครเล่น
ท่านเคยเป็นล่ามสมัครเล่นไหมครับ เวลามีแขกต่างประเทศมาที่ office ของท่าน และใน office ของท่าน ท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าทุกคน เขาก็เลยให้ท่านเป็นล่าม แปลคำพูดของหัวหน้าจากไทยเป็นอังกฤษให้แขกฟัง และแปลคำพูดของแขกจากอังกฤษเป็นไทยให้หัวหน้าฟัง ท่านก็ทำงานไปจนเสร็จส่งแขกขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเรียบร้อย ทุกคนก็ชื่นชมว่าท่านพูดภาษาอังกฤษเก่ง คราวหน้าถ้ามีต่างชาติมาอีกก็จะให้ท่านนี่แหละเป็นล่ามอีก ดูท่าทางท่านคงปฏิเสธงานอย่างนี้ไม่ได้ซะแล้ว
ในขณะที่ทุกคนมองว่าท่านเป็นล่ามแปลอังกฤษ – ไทย ไป – มา ได้ไม่มีที่ติ แต่ท่านเองนั่นแหละที่รู้ตัวเองว่า บางครั้งท่านก็แปลมั่วไปเหมือนกัน โชคดีที่ท่านพอรู้เนื้อหาของงานท่านจึงมั่วได้ ‘เนียน’ จนใครจับไม่ได้
ผมกำลังจะบอกท่านว่า ถ้าท่านรู้สึกอย่างข้างต้น ท่านไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวหรอกครับ เพราะมีคนอีกจำนวนมากที่ตกอยู่ในสถานะเดียวกับท่าน และก็ต้องมั่วไปให้เนียนเหมือนกับท่าน ทำไมผมถึงรู้ ผมรู้ซีครับ เพราะผมก็เคยมั่วตอนที่เคยถูกมอบหมายให้เป็นล่ามครั้งแรก ๆ
พูดถึงเรื่องการเป็นล่าม ผมว่ามันก็ยากอยู่เหมือนกันนะ เพราะท่านไม่เพียงแต่จะต้องเข้าใจเนื้อหาเท่านั้น และจะต้องแปลงเนื้อหานั้นเป็นอีกภาษาหนึ่งให้คนฟังเข้าใจ คนที่ไม่ชำนาญก็จะพบปัญหาเดียวกันคือ เข้าใจแต่นึกศัพท์ที่เหมาะสมได้ไม่ออกทันเวลาเพราะมันต้องแปลสด ๆ
ผมไปพบเว็บดิกเว็บหนึ่งและก็ลองเล่นดูแล้ว และก็เห็นว่า เว็บนี้สามารถเป็นของเล่นของล่ามสมัครเล่นได้ดีทีเดียว คือมี list คำศัพท์ภาษาไทยให้ท่านดู ท่านก็นึกว่าศัพท์ภาษาอังกฤษมันควรจะเป็นอะไร แล้วก็คลิกดูเฉลย และในทำนองเดียวกัน มี list คำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ท่านดู ท่านก็นึกว่าศัพท์ไทยมันควรจะเป็นอะไร แล้วก็คลิกดูเฉลย เช่นกัน
คำในเฉลยอาจจะมีหลายคำ ท่านอาจจะชอบหรือคุ้นเคยกับคำใดคำหนื่งมากเป็นพิเศษ หรือท่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับคำในเฉลย หรือมีศัพท์อื่นในใจที่ท่านเห็นว่าเฉพาะสมกว่า ก็เป็นไปได้ครับ
ของเล่นที่ผมพูดนี้ ท่านผู้อ่านที่ไม่เคยเป็นล่ามจะลองเล่นดูก็ได้ครับไม่ผิดกติกา แถมยังได้เพิ่มพูนความรู้เรื่องศัพท์อีกด้วย
เริ่มเล่น:
1. ไปที่เว็บนี้: http://dicdd.com/
2. เมื่อเลื่อนลงมาข้างล่างท่านจะพบแถวพยัญชนะภาษาอังกฤษและภาษาไทย ดังนี้
A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z
ก ข ฃ ค ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ฌ ฤ ฦ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป ผ ฝ ฟ พ ภ ม ย ร ล ว ศ ส ษ ฬ ห อ ฮ
- ถ้าท่านต้องการเล่นแบบเห็นศัพท์ภาษาอังกฤษแล้วนึกถึงภาษาไทย ก็คลิกพยัญชนะภาษาอังกฤษ
- หรือ ถ้าท่านต้องการเล่นแบบเห็นศัพท์ภาษาไทยแล้วนึกถึงภาษาอังกฤษ ก็คลิกพยัญชนะภาษาไทย
3.เมื่อคลิกพยัญชนะตัวใดก็ตาม (รอสักครู่) จะมีคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะตัวนั้นอยู่ที่คอลัมน์ซ้ายมือ (เลื่อน slide bar ลงมาได้จนสุด)ท่านจะเลือกคลิกเฉพาะบางคำเพื่อดูเฉลย (เมื่อจะย้อนกลับให้กดที่แป้น backspace ก็ได้) หรือท่านจะคลิกทุก ๆ คำในคอลัมน์ซ้ายนั้นเพื่อทดสอบตัวเองก็ได้ หรืออีกวิธีหนึ่ง ท่านสามารถพิมพ์พยัญชนะอังกฤษหรือไทยก็ได้ตัวใดตัวหนึ่งลงไปในช่อง “คำค้นหา” แล้วคลิก “ค้นหา” ก็ได้เช่นกัน โดยส่วนตัวผมชอบทดสอบตัวเองโดยพิมพ์พยัญชนะไทยลงไป เพื่อหาคำภาษาอังกฤษให้กับศัพท์ภาษาไทย ท่านล่ะครับชอบแบบไหน?
หรือท่านจะใช้ชุดที่ 2 ซึ่งเป็น ดิกชันนารีของ อาจารย์ สอ เสถบุตร ก็ได้ (Talking Dictionary)
A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z
ก ข ค ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ญ ฎ ฐ ฒ ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ฤ ล ว ศ ส ห อ ฮ
เมื่อได้คำศัพท์ภาษาอังกฤษแล้ว บางทีเราอาจจะไม่แน่ใจว่าควรจะผูกประโยคอย่างไรจึงจะถูกต้อง ผมขอแนะนำให้ไปดูตัวอย่างการใช้คำในประโยคที่ 2 เว็บนี้ครับ
เว็บที่ 1: http://eedic.naver.com/
พิมพ์ศัพท์, enter, คลิก Example
เว็บที่ 2-3:
http://www.nationmultimedia.com/
http://www.bangkokpost.com/News/index.php
พิมพ์คำศัพท์ในช่อง Search มุมบนขวาของหน้า, กด Enter, (ถ้าต้องการดูเพิ่มก็ให้: คลิกที่ลิงค์หัวข้อ, กด Control+F, พิมพ์คำลงในช่อง Find, คลิก Next)
ลองเล่นดูนะครับ สนุกดี
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551
[356] ฝึกฟังทีละประโยคกับดิก Longman
ในอินเตอร์เน็ตมีหลายเว็บดิกหลายเว็บที่ให้เราฟังคำอ่านของศัพท์เป็นคำ ๆ แต่ไม่มีดิกเล่มไหนเลยที่ให้เราฟังคำอ่านของประโยคหรือวลีตัวอย่างที่เขาโชว์ให้เราดู จะมียกเว้นก็ดิก Longman เท่านั้นที่ให้เราฟังคำอ่านของประโยคหรือวลีตัวอย่าง แต่ก็เฉพาะคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว d และ s เท่านั้น
ผมเคยอธิบายเรื่องนี้ไว้ละเอียดพอสมควรที่ลิงค์นี้ [139] ฝึกฟัง-พูด-อ่าน-เขียน กับ Longman Dictionary ผมอยากให้ท่านคลิกเข้าไปอ่านคร่าว ๆ สักเที่ยวหนึ่ง
และเพื่ออำนวยความสะดวก ผมได้ดึงศัพท์ง่าย ๆ บางตัวที่ขึ้นต้นด้วย d และ s เพื่อให้ท่านคลิกฟัง เป็นการฝึกทุก skill ที่ผมพูดไว้แล้วในลิงค์ข้าง
บน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เน้นมาก คือ listening skill
ตัวเลขหลังคำศัพท์ คือ จำนวนประโยคหรือวลีตัวอย่างของคำศัพท์ ลองฝึกไปเรื่อย ๆ นะครับ เชื่อว่าท่านจะได้รับประโยชน์พอสมควรทีเดียว
+ + + + + + + + + + +
คำทั้งหลายท้ายบทความนี้ เมื่อท่านคลิกจะมี 3 บรรทัดโชว์ คือ
-Play British pronunciation (คลิกเพื่อฟังเสียงอ่านคำศัพท์สำเนียงอังกฤษ)
-Play American pronunciation (คลิกเพื่อฟังเสียงอ่านคำศัพท์สำเนียงอเมริกัน)
-Play sentence (คลิกเพื่อฟังการอ่านประโยคตัวอย่าง ทีละประโยค ๆ , มี text ให้อ่านข้างล่าง)
ตรง Play sentence นี่แหละครับที่ผมบอกว่ามีประโยชน์มากเพราะท่านสามารถ
[1] ฝึก Listening: ท่านจะคลิกเพื่อฟังแต่ละประโยคกี่ครั้งก็ได้ ตามความพอใจ การฝึกฟังทีละประโยคเป็นพัฒนาการที่ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง สูงกว่าการฝึกทีละคำ และก็มีประโยชน์สำหรับท่านที่ยังไม่อยากจะฟังเป็นตอนยาวๆ เช่นการฟังข่าว ซึ่งถ้าหากจับประเด็นไม่ได้ก็อาจจะหลุดไปเลย เพราะฉะนั้นการฟังทีละประโยคและฟังซ้ำๆได้จึงดีมาก
[2] ฝึก Reading: เรื่องการฝึก Reading นี่ท่านสามารถฝึกได้หลายลักษณะตามความพร้อมของท่าน เช่น
2.1 ท่านบังคับสายตาตัวเองไม่ให้อ่านประโยคตัวอย่าง และคลิกฟังอย่างเดียวหลายๆครั้ง และตอบตัวเองให้ได้ว่าข้อความที่ฟังคืออะไร (เขียนลงกระดาษก็ดี) เสร็จแล้วจึงค่อยอ่านประโยคที่แสดงไว้ว่าถูกหรือไม่ วิธีนี้ท่านเน้นเรื่องการฟังมาก
2.2 ท่านอ่านประโยคตัวอย่าง และแปลให้เข้าใจเสียก่อน จึงค่อยคลิกฟัง
2.3 ท่านคลิกฟังไปพร้อม ๆ กับอ่านประโยคตัวอย่างผมอยากจะบอกว่าประโยคตัวอย่างของ Longman Dictionary นี้ดีมาก เป็นประโยคที่เป็นธรรมชาติ สามารถจดจำเอาไปใช้ได้ทั้งการพูดและการเขียน
[3] ฝึก speaking: เมื่อฟังจบประโยคแต่ละครั้ง ท่านพูดตามไปเลยครับ ถ้าฟังยังไม่ถนัดก็คลิกฟังซ้ำและพูดตาม ฝึกพูดตามทีละประโยคอย่างนี้แหละครับ ไม่เท่าไหร่ก็พูดคล่อง และตอนพูดตามนี้ก็สังเกตการใช้คำศัพท์-สำนวน การผูกประโยค การลงเสียงหนัก-เบา ฯลฯ ด้วย
[4] ฝึก writing: เมื่อฟัง – อ่าน – และพูดตามจนคล่องแล้ว ตอนสุดท้ายจะเป็นการดีมากครับ ถ้าท่านจะฝึกเขียนประโยคนั้นลงไปในสมุด โดยไม่เหลือบสายตาไปดูประโยคนั้นหรือไม่คลิกฟังประโยคนั้นขณะที่ท่านเขียน การฝึกเขียนโดยไม่อ่านหรือฟังเช่นนี้เท่ากับ Test ว่า หากถึงเวลาที่ท่านต้องพูดจริง ๆ ท่านจะพูดได้หรือเปล่า การเขียนลงไปจริง ๆ ในสมุดยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง เพราะจะเป็นการ Test ว่า ท่านจับเสียงท้ายคำ เช่น –ed, -es, หรือคำย่อได้ถูกต้องหรือเปล่า, ท่านสะกดคำได้ถูกต้องหรือเปล่า เพราะแม้แต่คำที่ท่านออกเสียงได้ถูกต้องท่านก็อาจจะสะกดผิดก็ได้
ในแต่ละประโยคตัวอย่างนี้ ท่านพยายามฝึกให้ครบถ้วนทั้ง ฟัง – อ่าน – พูด – เขียน อย่างนี้แหละครับ แล้วจึงค่อยคลิกเลื่อนไปยังประโยคต่อไป นี่เรียกว่าฝึกเอาคุณภาพ แต่ถ้าเวลาไหนท่านรู้สึกเครียดๆ ก็อาจจะฝึกสบาย ๆบ้างก็ได้ ไม่ต้องฝึกเป๊ะตามที่ผมแนะข้างบน แต่อยากจะเรียนด้วยความจริงใจว่า ถ้ามีวินัยฝึกอย่างที่เรียนไว้ข้างบนจะได้ประโยชน์มากทีเดียว
เมื่อท่านฝึกเดินหน้าไปหลาย ๆ ประโยคแล้ว เวลาที่ย้อนกลับ ให้ท่านคลิก Back เรื่อย ๆ เพราะท่านจะได้ฟังเสียงประโยคตัวอย่างย้อนหลังอีก 1 รอบ
บางท่านอาจจะบอกว่า ก็ได้ฝึกแค่ตัวอักษร d และ s เท่านั้น ไม่จริงหรอกครับ เพราะว่า คำอื่น ๆ ในประโยคตัวอย่างก็ขึ้นต้นด้วยอักษรตั้งแต่ a ถึง z เพราะฉะนั้นท่านก็ได้ฝึกฟังทุกคำตั้งแต่ a ถึง z แหละครับ
+ + + + + + + + + + +
Damage 14, demand 16, dance 9, dangerous 11, dark 22,
date 14, day 67, dead 37, deal 18, death 27,
debate 12, decide 16, deep 27, delay 6, depend 11,
describe 8, design 17, desire 8, develop 21, die 34,
different 18, difficult 12, direct 17, dirty 16, dish 8,
dispute 12, distance 13, divide 14, do 19, door 19,
double 13, doubt 19, down 56, draw 78, dream 21,
drink 13, drive 38, drop 52, dry 22, due 14, duty 19,
* * * * *
sad 17, safe 26, same 19, save 31, say 91,
school 25, score 14, sea 18, seat 23, second noun 8,
second number 25, secret 10, secure 13, see 142, seem 16,
send 48, separate adjective 8, eparate verb 13, serve 26, service 37,
set verb 104, set noun 15, sharp 29, shock 15, shoot 38,
shop 16, short 53, should 38, show verb 57, show noun 26,
sick 35, side 74, sign 30, since 14, sink 31,
sit 59, sleep 19, slow 19, small 28, smell 8,
smooth 16, so adverb 54, so conjunction 9, soft 29, something 26,
sorry 31, sound noun 13, sound verb 32, sound adjective 11, speak 37,
stand 125, stop 51, strike 55, strong 46, such 27, sure 31
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551
[355]ฟังเพลง–อ่านเนื้อเพลง–ศึกษาคำแปลเพลง ที่นี่!
ผมตั้งเป้าไว้ว่า เว็บเพลงที่จะเอามาฝากท่านวันนี้จะต้องมี 3 อย่าง ดังนี้ (บางเว็บ/บางเพลง อาจจะต้องรอดาวน์โหลดนานนิดหนึ่ง ใจเย็นหน่อยนะครับ)
1. มีเสียงเพลงให้ฟัง
2. มีเนื้อเพลงภาษาอังกฤษให้อ่าน
3. มีคำแปลเป็นภาษาไทยให้ศึกษา
แล้วก็หามาได้เพียง 3 เว็บเท่านั้น ข้างล่างนี้ครับ
[1] virginradiothailand.com
[2] educatepark.com
[3] englishub.com
ส่วนเว็บนี้ naronk.net ท่านลองพิมพ์ชื่อเพลงฝรั่งเก่า ๆ ที่เพราะ ๆ ลงไป อาจจะมีบ้างบางเพลงให้ฟัง
ศึกษาเพิ่มเติม:
เรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลง
ขอให้ทุกท่านได้รับความเพลิดเพลินพร้อมกับศึกษาภาษาอังกฤษไปในเวลาเดียวกันจากการฟังเพลงครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[354] ฝากหนังสือถวายหลวงพี่
ผมเดาเอาเองว่า blog นี้ น่าจะมีหลวงพี่บางท่านเข้ามาอ่านบ้าง และเนื่องจากหลวงพี่ที่เรียนวิทยาลัยสงฆ์ต้องเรียนทั้งธรรมะและภาษาอังกฤษจึงจะจบหลักสูตรปริญญาตรี ผมจึงขอถวายไฟล์หนังสือ Encyclopedia of Buddhism ให้แก่หลวงพี่
Encyclopedia of Buddhism เป็นสารานุกรมทางพุทธศาสนาที่สมบูรณ์มาก ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2546 โดย Center for Buddhist Studies, University of California, Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา มีบทความมากกว่า 400 บทความ ครอบคลุมประเด็นแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับพุทธศาสนาอย่างกว้างขวาง (ลองอ่าน List of Articles) และเขียนด้วยสำนวนภาษาที่ชาวบ้านอ่านเข้าใจได้ง่าย
ผมขอแนะนำญาติโยมที่ต้องการทำบุญด้านการศึกษาของสงฆ์ ให้ทางร้านเขา print และเย็บเล่มหนังสือนี้, และนำไปถวายวัดที่มีพระสงฆ์เรียนที่วิทยาลัยสงฆ์หรือจะถวายหลวงพี่ที่เรียนก็ได้
ขอแถมอีก 2 เล่มครับ
1. THAI BUDDHISM IN THE BUDDHIST WORLD แต่งโดย ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต คลิกดาวน์โหลด
2. Handbook for Mankind หรือ คู่มือมนุษย์ โดยท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ
คลิกดาวน์โหลด
ศึกษาเพิ่มเติม: ธรรมะ ความงาม
พิพัฒน์
e4thai@live.com
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551
[353] วิธีหาให้พบ 'ภาษาอังกฤษ' ที่เราต้องการ
ค้นหา "ภาษาอังกฤษสำหรับ..." ในบล็อกนี้ คลิกที่นี่
* * * * *
สวัสดีครับ
เว็บที่ผมนำเอามาแนะนำใน blog นี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเว็บเรียนภาษาอังกฤษสำหรับคนทั่วไป แค่ถ้าเราต้องการภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาเจาะจงโดยเฉพาะเราจะหาได้อย่างไร?
ใน Blog นี้ผมก็หาลิงค์ลักษณะนี้ไว้บริการท่านผู้อ่านเช่นกัน แต่ไม่มากนัก ท่านลองคลิกดูที่ 2 ลิงค์นี้ดูก่อนก็ได้ครับ
(1) ภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงาน
(2) http://tinyurl.com/6xq36l
แต่ถ้าภาษาอังกฤษที่ท่านต้องการมันมีความจำเพาะเจาะจงมากกว่านี้ จะไปหาอ่านได้จากไหน ผมขอแนะนำสัก 2 – 3 ที่ คือ
[1] หาที่ศูนย์หนังสือจุฬา โดยไปที่เว็บนี้
http://www.chulabook.com/cgi-bin/main/2007/home.asp แล้วพิมพ์คำว่า ภาษาอังกฤษสำหรับ ลงไป และคลิก Search ท่านอาจจะพบหนังสือบางเล่มที่ตรงเป๊ะกับเรื่องที่ท่านต้องการ
(หมายเหตุ: เว็บของ ศูนย์หนังสือจุฬา นี้ล่มบ่อย ๆ ถ้าท่านมาเจอตอนที่มันล่ม ก็ไม่ต้องหงุดหงิดนะครับ อีกสัก 10 นาทีมาเข้าใหม่ ก็อาจจะดีตามปกติ)
[2] หาจาก Google โดยไปที่ http://www.google.com/
แล้วพิมพ์ intitle:"ภาษาอังกฤษสำหรับ*" ลงไป ท่านก็จะได้พบ web page มากมาย ลองเลือก ๆ คุ้ย ๆ ดูนะครับ อาจจะมีบางลิงค์ที่ตรงกับเรื่องที่ท่านต้องการ
ผลการค้นก็จะออกมาอย่างนี้ครับ คลิก
อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านค้นเฉพาะหน้าที่เป็นภาษาไทย ผลที่ได้จะน้อย แต่ถ้าค้นหน้าที่เป็นภาษาอังกฤษ ผลที่ได้จะมากกว่าหลายเท่า ทำตามข้างล่างนี้ครับ
[3] ไปที่ Google http://www.google.com/
สมมุติว่า ท่านต้องการเนื้อหาภาษาอังกฤษ สำหรับใครก็ได้ที่ไม่เจาะจง ท่านอาจจะพิมพ์คำว่า intitle:"English for*" ลงไป, web page ที่ได้จะมีถึง 386,000 หน้า อย่างนี้ครับ คลิก
[4] แต่ถ้าท่านต้องการภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาโดยเฉพาะ เมื่อไปที่ Google แล้ว ท่านลองพิมพ์คำว่า intitle:"English for*" students ลงไป ก็จะได้ web page น้อยกว่าเดิม คือได้ประมาณ 92,900 หน้า อย่างนี้ครับ คลิก
[5] และถ้าท่านเจาะจงลงไปอีกว่าต้องเป็นของฟรี ท่านก็อาจจะพิมพ์เพิ่มคำว่า free ลงไปอีก 1 คำ กลายเป็น intitle:"English for*" students free จำนวน web page ที่ได้ก็จะน้อยลงไปอีก เหลือเพียง 11,300 หน้า อน่างนี้ครับ คลิก
ยังมีวิธีค้น และคำค้น (search terms) แบบอื่น ๆ อีกมากมาย วันนี้ผมเอามาคุยเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนแล้วกันครับ ท่านที่พอมีเวลาว่าง ลองเล่นค้นดูกับ Google อาจจะพบวิธีที่ทำให้ค้นได้รวดเร็วและตรงกับความต้องการได้ดีขึ้น ผมเคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้วที่ 2 ลิงค์นี้ ท่านศึกษาเอาเองแล้วกันนะครับ
[460] 'เทคนิคการสืบค้น Google อย่างมืออาชีพ'
[123] Search ยังไงให้เจอทุกครั้ง?
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[352]อ่านBangkok Postให้รู้เรื่องเหมือนอ่าน ไทยรัฐ
มีคนถามผมว่า ต้องรู้ศัพท์สักกี่คำจึงจะเพียงพอต่อการอ่านภาษาอังกฤษ ผมมักจะตอบง่าย ๆ ว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าคุณสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เช่น Bangkok Post หรือ The Nation ได้รู้เรื่องเหมือนอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย เช่น ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน หรือ ผู้จัดการ ก็น่าจะถือว่าพอแล้ว
แต่การที่ใครจะสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่งได้รู้เรื่องเหมือนอ่านหนังสือพิมพ์ไทย ก็ต้องฝึกกันมาพอสมควร และถ้าหากท่านใดต้องการทำให้ได้ ผมขอแนะนำให้ท่านฝึกอ่านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เริ่มอ่านจากเรื่องง่ายไปหายาก, จากเรื่องสั้น ๆ ไปสู่เรื่องที่ยาวขึ้น
ผมขอแนะนำเว็บอ่าน Story ของ British Council ซึ่งเขามีเรื่องสนุก ๆ ให้อ่านหลายเรื่อง และมีระดับความยากง่ายให้ท่านเลือก และที่น่าสนใจก็คือ มีวีดิโอ animation หรือมีไฟล์ mp3 ให้ท่านชมและฟังประกอบด้วย การฝึกกับเว็บนี้ นอกจากเพิ่มพูน Reading Skill แล้ว ยังได้ฝึก Listening Skill อีกด้วย
เมื่อท่านเข้าไปในเว็บข้างล่างนี้แล้ว โดยทั่วไปถ้ามี วีดิโอ animation ก็จะมีคำว่า Read ตัวโต ๆ ที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ ให้ท่านคลิกที่คำว่า Read นี้เพื่อให้ script ของเรื่องปรากฏ หรือไม่ปรากฏ บนจอวีดิโอ
แต่ถ้าเป็นเรื่องที่มีให้ฟังอย่างเดียว (ไม่มี animation) ก็จะมีบรรทัดที่เขียนว่า CLICK HERE TO LISTEN TO THIS PAGE OF THE STORY ให้ท่านคลิกที่นี่เพื่อฟัง
ทุกเรื่องเมื่อจะฟังหรือชม ให้คลิก Start, เมื่อจะดูหน้าถัดไป ให้คลืก Next
ผมขอแนะนำว่า ให้ท่านใช้หลาย ๆ วิธีในการศึกษา เช่น อาจจะเริ่มด้วยอ่านโดยไม่ต้องฟัง, ฟังพร้อมอ่าน, ฟังโดยไม่ต้องอ่าน, และเมื่อรู้เรื่องแล้ว ให้สังเกตการผูกประโยคหรือการใช้ภาษาของเขาว่า เขามีวิธีการใช้คำศัพท์หรือผูกประโยคอย่างไรที่ทำให้เราอ่านหรือฟังเรื่องเข้าใจได้ง่าย ๆ อย่าลืมนะครับว่า การสังเกตเป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้ที่ศึกษาภาษาอังกฤษ
ใน 5 หัวข้อข้างล่างนี้ มีหลายเรื่องให้ท่านชมหรืออ่าน ถ้าท่านสงสัยศัพท์คำใด เพียงดับเบิ้ลคลิกที่ศัพท์คำนั้น ก็จะมีความหมายจากดิกอังกฤษ-อังกฤษ Cambridge Dictionary ปรากฏในหน้าต่างใหม่ให้ท่านศึกษา(บางทีหน้าต่างนี้ก็ค้างอยู่ที่ task bar ข้างล่าง,ท่านต้องคลิกขึ้นมาดูเอง) แต่ถ้าท่านต้องการดิกอังกฤษ - ไทย ก็ไปที่เว็บนี้ก็ได้ครับ http://www.babylon.com/define/122
ขอให้ถือเสียว่าการอ่าน Story เหล่านี้เป็นบันไดที่จะช่วยพาท่านไปอ่านเรื่องที่ยากกว่านี้ แต่ถ้าท่านรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ง่ายเกินไป ผมขอแสดงความยินดีด้วยครับ เพราะแสดงว่า ท่านสามารถอ่าน Bangkok Post หรือ The Nation ได้แล้ว โดยไม่ต้องมาไต่บันไดขั้นต้น ๆ เหล่านี้อีกแล้ว แต่ถ้าท่านใดยังอ่าน Bangkok Post หรือ The Nation ไม่ได้ถนัด ผมขอรับรองว่า Story ทั้งหลายข้างล่างนี้ เป็นบันไดที่ดีสำหรับการฝึก Reading Skill (และ Listening Skill) ให้ท่านครับ
[1] short stories
[2] stories for little kids
[3] longer stories
[4] FAIRY TALES
[5] stories from the web
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[351] อ่าน Story ที่มีคุณค่าต่อชีวิต
ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ผมถูกสอนจากหลายที่หลายทาง ทั้งจากผู้คนและจากหนังสือว่า การอ่านประวัติของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของโลก หรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านต่าง ๆ ในชีวิตจะช่วยทำให้เราได้แง่คิด ตัวอย่าง หรือแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยผลักดันให้ชีวิตของเราดีขึ้น มีบางยุคบางสมัยที่ผมเห็นหนังสือพวกนี้ออกมามากมายในร้านหนังสือ
แต่ผมต้องขอสารภาพกับท่านผู้อ่านตรงนี้ว่า หนังสือที่กล่าวมาข้างต้นผมแทบไม่เคยหยิบมาอ่านจนจบเล่มเลย เพราะผมมีความรู้สึกว่า สิ่งที่หนังสือพวกนี้ส่วนมากบอกเราก็คือ ทำอย่างไรจึงจะรวยที่สุด มีชื่อเสียงมากที่สุด และมีอำนาจมากที่สุด มันเหมือนกับรูป ‘ฮก ลก ซิ่ว’ ของคนจีนซึ่งเขามักจะถือกันว่า คือ 3 สิ่งที่เป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ คือ ‘ฮก’ เป็นรูปขุนนางจีน ซึ่งคงหมายถึงอำนาจและชื่อเสียง, ‘ลก’ เป็นรูปพ่อค้า ซึ่งหมายถึงความร่ำรวยและทรัพย์สมบัติ และตัวสุกท้าย คือ ‘ซิ่ว’ เป็นรูปคนแก่มีเคราขาวยาวเฟื้อย ซึ่งหมายถึงการมีอายุยืนยาว อุดมคติในการใช้ชีวิตทำนองนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือแปลของฝรั่งที่กระตุ้นให้เราวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อไปให้ถึงขีดสูงสุดของชีวิต หรืออุดมคติแบบ ฮก ลก ซิ่ว ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จในการดำเนินชีวิต คือ ตำแหน่ง อำนาจ ทรัพย์สมบัติ และการมีชีวิตยืนยาว เมื่อผมเริ่มมีอายุมากขึ้น ผมก็เริ่มรู้สึกเฉย ๆ กับคำแนะนำหรือคำสอนในการดำเนินชีวิตทั้งแบบตะวันตกและแบบตะวันออกที่กล่าวมาแบบนี้ ซึ่งโดยสาระแล้วก็ไม่ต่างกันเลย แม้ว่าจะมีวิธีพูดหรือการนำเสนอที่ต่างกันบ้างก็ตาม
พูดกันจริง ๆ แล้วผมใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปีเพื่อตอบคำถามนี้ว่า ‘คนเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร’ และคำตอบที่ถูกต้องจะต้องช่วยให้เรามีจิตใจที่สงบและเป็นสุข ไม่ว่าเราจะพบกับเหตุการณ์ใดในชีวิต หลังจากค้นหาอยู่นานผมก็ได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าได้ให้คำตอบต่อคำถามนี้มากว่า 2,500 ปีมาแล้ว นั่นคือ
1. สพฺพปาปสฺส อกรณํ คือ การไม่ทำบาปกรรมความชั่วทั้งปวง เป็นไปได้ไหมที่เราจะไม่คิดชั่ว-พูดชั่ว-ทำชั่ว ในชีวิตประจำวันที่เราทำการงานและพบปะผู้คนมากมาย ถ้าการพูดจริงจะทำให้เราเสียผลประโยชน์ก็ช่างมัน เราเลือกที่จะพูดจริงดีกว่าหรือไม่อย่างนั้นก็เลือกที่จะไม่พูด ไม่ตอบคำถาม หรือไม่มีความเห็นซะเลย การทำความชั่วไม่ว่ามากหรือน้อยคือการกินอาหารที่มีสารพิษ มันอาจจะไม่แสดงผลทันที แต่มันจะแสดงผลแน่ ๆ และอาจจะแสดงผลในเวลาที่เราไม่คาดคิดก็ได้
2. กุสลสฺสูปสมฺปทา คือ การทำให้ชีวิตนี้เป็นประโยชน์ต่อโลกนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งหมายถึงต้องวางแผนในการทำความดี ถ้างานประจำที่เราทำอยู่ไม่สามารถนับเป็นการทำ ‘ความดี’ ได้ เพราะมันคือการแลกเปลี่ยนตามข้อตกลงของสังคมที่ทำให้เราได้เงินเดือน หรือกำไร เราก็น่าจะหาช่องทางอื่นในการทำความดีแทรกเข้าไปในงานประจำที่เราทำ หรือใช้เวลานอกงานประจำทำความดีอะไรบางอย่าง หรือถ้าไม่มีโอกาสจริง ๆ ก็ควรจะแบ่งเงินเดือนที่เราได้รับเป็นประจำนั้นให้แก่สังคมบ้าง การทำงานอดิเรกหรืองานอาสาสมัครบางอย่างที่เหมาะกับบุคลิก ทักษะ หรือเวลาว่างที่เราพอจะเจียดได้ เป็นสิ่งที่ควรค้นหาให้พบ และทำให้ได้ เราควรมีหลักประจำใจว่า ใน 1 วันขอให้เราได้มีโอกาสทำความดีอะไรก็ได้อย่างน้อยสัก 1 อย่าง เพราะการทำดีคือการใส่ปุ๋ยให้แก่ชีวิต เมื่อเราให้ความสุขแก่คนอื่นเราก็จะได้รับความสุขตามไปด้วย และหลายครั้งที่ผลของการทำความดีด้วยใจบริสุทธิ์ตามมาสนองเป็นโบนัสให้เราในภายหลังโดยที่เราไม่คาดคิด
3. สจิตฺตปริโยทปนํ คือการทำจิตของตนเองให้สะอาด สว่าง สงบ ในชีวิตของคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาทำงานที่เราต้องพบปะกับคนผู้คนมากมาย หรือพบกับการงานที่ยุ่งยากวุ่นวาย เราสามารถหรือไม่ ที่จะทำให้ใจของเราสงบอยู่ได้ หรือรักษาใจให้วุ่นวายน้อยที่สุด เราต้องนำคำสอนเรื่อง ‘สติ’ มาใช้ให้ได้จริง ๆ คือ ‘ปล่อยวาง’ ไม่ปล่อยให้ใจ ‘เป็นทุกข์’ เมื่อพบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ไม่ยอมให้ตัวเอง ‘ทำชั่ว’ เมื่อมีโอกาสจะทำเพราะผลประโยชน์มันรออยู่ข้างหน้าและไม่มีใครรู้เห็น และการมีสติยังหมายถึงการมองหาช่องทางใหม่ ๆ ในการ ‘ทำดี’ อีกด้วย
เพราะคำสอน 3 ข้อของพระพุทธเจ้านี่แหละครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเอง ‘พบแล้ว’ และไม่จำเป็นต้องแสวงหาความหมายหรือคำตอบให้แก่ชีวิตอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องแสวงหาความเห็นหรือคำแนะนำของผู้รู้อื่น ๆ และเลยไปถึงว่าทำให้ผมรู้สึกเฉย ๆ ต่อหนังสือประเภท How-to หรือหนังสือแนะนำการใช้ชีวิตที่ฝรั่งเขียนและมีการแปลเป็นภาษาไทยมากมายวางขายในร้านหนังสือ
การดำเนินชีวิตคามหลัก 3 ประการของพระพุทธเจ้าดังที่กล่าวมานี้ อาจจะไม่ได้ทำให้เราเป็นคนรวยที่สุด มีตำแหน่งใหญ่โตที่สุด หรือมีชื่อเสียงมากที่สุด แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ เราจะมีชีวิตดังที่ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวไว้ คือ ‘มีชีวิตที่อยู่เย็นและเป็นประโยชน์’ มากที่สุด
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือไตเติ้ลที่ผมขอชักนำท่านเข้าสู่เรื่องที่ผมต้องการจะพูด คือ ผมไปพบหนังสือเรื่องหนึ่งชื่อ “Chicken Soup for the Soul” แต่งโดย Jack Canfield และ Mark Hansen เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวชีวิตต่าง ๆ ของผู้คนซึ่งผมเห็นว่า เป็นตัวอย่างที่งดงามของการดำเนินชีวิตที่ ‘อยู่เย็นและเป็นประโยชน์’ บางเรื่องอาจจะติดธรรมเนียมของฝรั่งอยู่บ้างแต่ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในสังคมไทย บางเรื่องดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กน้อยแต่ผลกลับยิ่งใหญ่มาก ผมขอฝากเรื่องนี้ให้ท่านอ่านด้วยความหวังว่า ท่านจะได้เห็นการใช้ชีวิตที่ไม่สุดโต่งไปในการแสวงหาอำนาจลาภยศชื่อเสียงอย่างบ้าคลั่ง แต่เห็นตัวอย่างการใช้ชีวิตที่สมดุลย์ สงบเย็น และเป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิตในโลกนี้
[วิธีดาวน์โหลด: คลิกขวาที่ลิงค์, คลิกซ้าย Save Target As..]
ดาวน์โหลด “Chicken Soup for the Soul” chicken_soup ไฟล์ pdf
ดาวน์โหลด “Chicken Soup for the Soul” chicken_soup ไฟล์ word
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551
[350] เชิญดาวน์โหลดวีดิโอ รายการ Chris Delivery (2)
เชิญดาวน์โหลดวีดิโอของ Chris Delivery เพิ่มเติมที่นี่:
http://www.chrisdelivery.com/media.php?detailMenu=1
อ่านคำแนะนำในการดาวน์โหลดที่นี่:
[968]ดาวน์โหลดวีดิโอจากเน็ต & TV โดยใช้ RealPlayer
* * * * * * * * * *
สวัสดีครับ
ผมมีวีดิโอของคุณ Chris อีก 13 ตอนให้ท่านดาวน์โหลด โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดับเพลิง, วันวาเลนไทน์, วันตรุษจีน, เพลง Apologize และอื่น ๆ อีก หลายเรื่อง
เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ
Chris 1
Chris 2
Chris 3
Chris 4
Chris 5
Chris 6
Chris 7
Chris 8
Chris 9
เว็บที่ดาวน์โหลด: http://www.zone-it.com/40892
ลิงค์เดิมของ Blog นี้: [428] เชิญดาวน์โหลดวีดิโอ รายการ Chris Delivery
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[349] ท่านสามารถฝึก writing skill ได้ทุกวัน
เราไม่ค่อยมีโอกาส หรือไม่ค่อยชอบฝึกเขียนภาษาอังกฤษกันนัก แต่จริง ๆ แล้วการฝีกเขียนภาษาอังกฤษมีประโยชน์มากต่อการพูด กล่าวคือ การเขียนเป็นการซ้อมพูดทางมือนั่นเอง
การเขียนเป็นการซ้อมพูดทางมือได้อย่างไร ? ก่อนที่ตัวอักษรจะไหลออกไปจากปลายปากกา มันจะต้องเกิดความคิดในสมองก่อน ครั้งแรก ๆ อาจจะคิดเป็นภาษาไทยก่อนแล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าเราฝึกเขียนบ่อย ๆ มันจะคิดเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น ๆ และเขียนออกไปเลยเป็นภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องผ่านภาษาไทย การเขียนกับการพูดมีลักษณะเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ถ้าเราชำนาญแล้ว เราจะคิดเป็นภาษาอังกฤษและพูดหรือเขียนเป็นภาษาอังกฤษออกไปเลยโดยไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทยในสมอง เพราะฉะนั้นการเขียนก็คือการซ้อมพูดทางมือ แต่ก็อย่างที่เคยบอกไว่ก่อนหน้านี้ การจะพูดหรือเขียนได้ดีต้องมีการอ่านและการฟังเป็นพื้นฐานด้วย
ผมได้รวบรวมกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาการเขียน หรือ writing skill ข้างล่างนี้ครับ
1. สำหรับท่านที่ต้องการหัดพิมพ์ดีด คลิกที่นี่ ครับ ซึ่งท่านสามารถ ดาวน์โหลดโปรแกรมพิมพ์ดีด หรือจะ ทำแบบฝึกหัดพิมพ์ดีด online ก็ได้
2. ฝึกสนทนากับหุ่นยนต์ 3 ตัว คือ Hotel Robot, Shopping Robot และ Apartment Robot
1)คลิก: Practice Speaking English with Intelligent Robots
2) คลิกหุ่นยนต์ตัวที่ท่านต้องการ3)จะเป็นการดีถ้าท่านคลิกที่หัวข้อขวามือเพื่อศึกษาโดยการอ่านและฟัง แล้วค่อยมาพิมพ์คุยกับหุ่นยนต์ตัวที่ท่านต้องการ
3. ฝึกเขียนไดอะรี่ประจำวัน ถ้าไม่มีเวลาก็เขียนวันละประโยคเดียวก็พอ คลิกที่นี่
4. ติดตั้งโปรแกรม MSN หรือ Skype เพื่อพิมพ์คุยกับเพื่อน หรือจะใช้ห้อง chat ที่ blog นี้ ก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้อง chat โดยพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษนะครับ
5. ทำ Blog และตั้งกลุ่ม writing เฉพาะเพื่อน คลิกอ่านวิธีทำ ที่นี่
6. ลองเขียน email ถึงเพื่อนต่างชาติ คลิกอ่านคำแนะนำ ที่นี่
7. ฝึกเขียนเรียงความ หรือ essay เป็นภาษาอังกฤษ คลิกอ่านคำแนะนำ ที่นี่
กิจกรรมที่แนะนำนี้ ท่านเลือกทำสิ่งที่ท่านชอบหรือถนัด ทำไปเรื่อย ๆ รับรองว่า writing skill ของท่านดีขึ้นแน่ ๆ และจะช่วยฉุดให้อีก 3 skill คือ speaking skill, reading skill และ listening skill ดีขึ้นด้วย
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[348]ดาวน์โหลด 300 ไฟล์mp3 เก็บไว้ฝึกฟังภาษาอังกฤษ
ผมเคยแนะนำเว็บ eslpod.com ไว้แล้ว เพราะเว็บนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับท่านที่ต้องการพัฒนา speaking skill และ listening skill ดีมากจริง ๆ ครับ
วันก่อน ผมได้แนะนำให้ท่านติดตั้งโปรแกรม iTunes เพื่อใช้ในการพัฒนาภาษาอังกฤษ และได้แนะนำวิธรใช้ไว้แล้ว ที่นี่
วันนี้ผมขอแนะนำเพิ่มเติมว่า ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์เก่า จำนวน 300 ไฟล์ของ eslpod.com ได้จาก iTunes โดยเมื่อท่านเปิดโปรแกรม iTunes ขึ้นมาแล้ว
1. พิมพ์คำว่า "ESL Podcast - Previous Episodes" ในช่อง Search
2. คลิกที่รูปเล่มหนังสือสีฟ้าด้านขวา
3. ด้านล่างจะปรากฏไฟล์ให้ดาวน์โหลดทั้งหมด 301 ไฟล์ ถ้าจะดาวน์โหลดทุกไฟล์จะต้องมีเนื้อที่เหลือใน Drive C ไม่น้อยกว่า 3 – 4 GB (วิธีทำง่าย ๆ ก็คือ ก่อนนอน ท่านคลิกทุก Get ตามที่ท่านต้องการ แล้วปล่อยเครื่องไว้อย่างนั้น พอรุ่งเช้าก็จะได้ไฟล์ mp3 ครบ)
ท่านสามารถคลิกได้หลาย ๆ Get เพื่อให้ iTunes ดาวน์โหลดพร้อม ๆ กันตามที่ท่านต้องการ
อย่าลืมอ่านคำอธิบายใน ลิงค์นี้ เกี่ยวกับการใช้ iTunes ประกอบด้วยนะครับ
Mp3 ทั้ง 300 ไฟล์นี้ ท่านจะใส่เครื่องเล่น mp3 ไว้ฟังขณะเดินทางก็จะสะดวกมาก
* * * * *
ถ้าการดาวน์โหลดไฟล์จาก iTunes ข้างต้นมีปัญหา ศึกษาจาก YouTube ตามลิงค์ข้างล่างนี้แล้วกันนะครับ
http://www.youtube.com/results?search_query=%22learn+english%22
http://english-for-thais-2.blogspot.com/2008/12/899-youtube.html
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551
[347] เรียน idiom กับ BBC learning English
เว็บ BBC learning English เป็นเว็บเรียนภาษาอังกฤษฟรีที่มีคุณภาพดีมาก ๆ ถ้ามีเวลาผมขอแนะนำท่านให้เข้าไปชมบ่อย ๆ มีทุกสิ่งให้เราฝึกเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และมีไฟล์ให้ดาวน์โหลดด้วย
วันนี้ผมเอาเรื่องสำนวนในภาษาอังกฤษ หรือ idiom มาเสนอ มีทั้งไฟล์วีดิโอให้ชม และไฟล์ pdf ให้ดาวน์โหลด script
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/multimedia/the_teacher/index.shtml ให้คลิกที่หัวข้อในแต่ละ Series คือ Series 3 - Body idioms, Series 2 - Food idioms, Series 1 - Animal idioms
เมื่อคลิกที่แต่ละหัวข้อแล้ว
1. ถ้าจะชมวีดิโอทันที ให้คลิก Watch the video
2. ถ้าจะดาวน์โหลดวีดิโอเก็บไว้ ให้คลิกขวาที่ลิงค์ใต้คำว่า Downloads และคลิกซ้าย Save Target As..
3. ถ้าจะดาวน์โหลด script ให้คลิกที่ Programme script
หรือท่านจะไปชมวีดิโอที่ Youtube เลยก็ได้ครับ
http://www.youtube.com/profile_videos?user=bbclearningenglish
เรื่องการเรียนสำนวนภาษาอังกฤษนี่นะครับ ท่านผู้อ่านเป็นเหมือนผมไหม คือถ้าเพียงอ่านมันมักจะจำไม่ค่อยได้ และได้ฟังฝรั่งอธิบายจริง ๆ คือได้เห็นด้วยตา และได้ยินด้วยหูของเราเอง มันจะจำ idiom ได้ง่ายขี้น แต่ถ้าเพียงแค่อ่านจากหนังสือ มันรู้สึกแห้งแล้งยังไงก็ไม่รู้ และมักจะจำไม่ค่อยได้ และถึงแม้จำได้ก็ไม่มั่นใจนักที่จะเอาไปใช้พูดหรือเขียน
แต่ถ้าท่านศึกษาจากวีดิโอและ script ข้างบน ผมเชื่อว่าท่านจะสนุกและจำ idiom ภาษาอังกฤษได้มากขึ้นทีเดียว
เสียงพูดภาษาอังกฤษจากวีดิโอจากเว็บ BBC learning English นี้ พูดอาจจะไม่ช้าแต่ชัด ซึ่งมีประโยชน์มากในการที่เราจะฝึก listening และ speaking skill
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com