วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[346] มีตำราภาษาอังกฤษหลายเล่มให้ดาวน์โหลด

  1. ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลากว่า 150 เล่ม
  2. รวม ดาวน์โหลด ตำราภาษาไทย ใช้เรียนภาษาอังกฤษ (คนไทยแต่ง)
  3. รวมดาวน์โหลด eBook, mp3, โปรแกรม ภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้ในการฝึกภาษาอังกฤษ 
  4. ดาวน์โหลด หนังสือ Grammar Exercise 18 เล่ม – พร้อมเฉลยทุกข้อ 
  5. ดาวน์โหลดหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ ฟรี ที่ 4shared.com  
  • Edit

[345] สำหรับท่านที่เป็นแฟนดิก Babylon เชิญที่นี่

สวัสดีครับ
ผมมี 2 เรื่องจะเสนอท่านวันนี้
1. ดิก Babylon online อังกฤษ – อังกฤษ
http://dictionary.babylon.com/english
ดิก 1.อังกฤษ – ไทย 2.ไทย - อังกฤษ และ 3.อังกฤษ - อังกฤษ
http://www.babylon.com/define/122

2. โปรแกรม Babylon Dictionary มี Serial No. ให้เติมขณะลงทะเบียนด้วย แต่ผมไม่แน่ใจนะครับว่าถ้าเอาไปลงทะเบียนใช้กันหลาย ๆ คน มันจะเพี้ยนหรือเปล่า ลองดูแล้วกันครับ
คลิกที่นี่ หรือ คลิกที่นี่

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[344]วิธีอ่านเพื่อจับ main idea (ใจความหลัก)ให้ได้

สวัสดีครับ
เมื่อเราอ่านอะไรสักเรื่องหนึ่ง แม้จะรู้เรื่องไม่ได้ทั้งหมด แต่ถ้าสามารถจับใจความสำคัญได้ก็ถือว่าใช้ได้ และถ้าฝึกอ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะต่อย ๆ จับได้มากขึ้นทั้งใจความหลักและรายละเอียดรอง ๆ ลงไป

เว็บข้างล่างนี้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการอ่านเพื่อจับใจความหลัก

เว็บที่อธิบายเป็นภาษาไทย
http://share.psu.ac.th/blog/kon1kon-learning/5382

http://www.bwc.ac.th/taidream/main%20idea.html

http://www.vcharkarn.com/vcafe/58144

http://www.geocities.com/entengperf/readingcompre.html

http://apirakd.th.gs/web-a/pirakd/news1.html

http://www3.srp.ac.th/moodledata/8/basicskillreading1.doc

http://blog.eduzones.com/yimyim/3287

เว็บที่อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ
http://gotoknow.org/blog/la-ngusatun/141756

http://www.bkkonline.com/nanny/tip/4-dec-44.shtml
อ่านหัวข้ออื่นเกี่ยวกับ main idea ที่คอลัมน์ซ้ายมือด้วย

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

[343]ภาษาอังกฤษสำหรับผู้ประสานงานกับชาวต่างประเทศ

สวัสดีครับ
ผมได้ไปเข้าอบรมใน โครงการฝึกอบรมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร สำหรับผู้ประสานงานกับชาวต่างประเทศ และได้ขอไฟล์ PowerPoint ของวิทยากรมาด้วย น่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับท่านที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้

ดาวน์โหลดไฟล์ คลิกที่นี่

ศึกษาเพิ่มเติม: ภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงาน
แถม: English for Secretary คลิกที่นี่

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[342] ติดตั้ง pop-up talking dict. ไว้ประจำเครื่อง

สวัสดีครับ
คงเป็นการดีไม่น้อย ถ้าระหว่างที่เราท่องเว็บและพบศัพท์คำใด และสงสัยว่า
1. คำนี้ออกเสียงยังไง ?
2. คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร ?
ก็สามารถคลิกเพื่อฟังเสียงอ่าน และดูความหมายได้เลย

อันที่จริง ผมเคยแนะนำไว้แล้ว 2 ดิก คือ
1. ดิกอังกฤษ – อังกฤษ Wordweb ใช้ได้ทั้งขณะต่อเน็ตและมิได้ต่อเน็ต มีเสียงอ่านคำศัพท์ให้ฟังด้วย แต่เสียงไม่ใช่เสียงคน แต่คล้าย ๆ เสียงหุ่นยนต์
2. ดิก อังกฤษ - ไทย & ไทย – อังกฤษ POPular Dictionary ใช้ขณะต่อเน็ต มีคำอ่านให้ดู แต่ไม่มีเสียงอ่าน

ผมจึงขอแนะนำโปรแกรมดิกอังกฤษ – อังกฤษ อีก 1 โปรแกรม จากเว็บ dictionary.com ที่มีเสียงฝรั่งจริง ๆ ให้เราคลิกฟังคำอ่าน แต่ต้องใช้ขณะต่อเน็ต

คลิกเพื่อดาวน์โหลด ขนาด 670 KB เท่านั้นเอง ที่นี่ หรือ ที่นี่

หลังจากติดตั้งแล้ว ขณะท่านท่องเว็บหรือใช้เอกสาร word ถ้าจะฟังเสียงศัพท์คำใด ก็เพียงไฮไลต์หรือดับเบิ้ลคลิกที่คำนั้น และกด Control+L ก็จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา ท่านสามารถคลิกฟังเสียงอ่านคำศัพท์ และอ่านคำแปลได้อย่างสะดวก

ลองใช้ดูนะครับ การได้ฟังเสียงอ่านของฝรั่งจริง ๆ และฝึกออกเสียงตามมีประโยชน์มาก เพราะ
1. เวลาเราสนทนาและพูดคำนี้ออกไป เราจะมีความมั่นใจว่าเราออกเสียงถูกต้อง
2. ศัพท์คำใดก็ตาม ถ้าเราฟังเสียงและฝึกออกเสียงตามได้ เราก็มักจะจำศัพท์คำนั้นได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าศัพท์คำใดก็ตามที่เราไม่แน่ใจในการออกเสียง เราก็มักจำศัพท์คำนั้นไม่ค่อยได้ หรือถึงแม้จะจำได้ก็จะไม่ค่อยกล้าพูดคำนั้นเวลาสนทนา เพราะไม่แน่ใจว่าออกเสียงถูกต้องหรือเปล่า

การได้ฟังเสียงอ่านที่ถูกต้อง และฝึกออกเสียงตามให้ได้ จึงมีประโยชน์มากดังกล่าวนี้

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[341] ดาวน์โหลดตำราและตัวอย่างการเขียน essay

สวัสดีครับ
ในการสอบ Toefl หรือการสอบภาษาอังกฤษอื่น ๆ เขาอาจจะกำหนดให้ท่านต้องเขียน essay

ใน blog นี้ผมเคยแนะนำเว็บที่ดีมากที่ท่านสามารถเข้าไปฝึกหัด writing ได้ เริ่มตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง
ที่ลิงค์นี้ครับ: เข้า course writing ไม่เสียตังค์

วันนี้ผมได้รวบรวมตำราต่าง ๆ ที่อธิบายหลักเกณฑ์การเขียน essay และมีตัวอย่าง essay ที่เขียนได้ดีให้ท่านได้ศึกษาเป็นร้อย ๆ หัวข้อ

การเขียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียน essay ผมว่ามันก็เหมือนกับการศึกษาทุกเรื่องนั่นแหละครับ คือ 1.ต้องรู้หลักการเขียน และ 2. ต้องฝึกเขียนตามหลักการ ให้เขียนได้และเขียนดีขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งนี้ต้องอาศัยเวลาและความพยายาม และใจรักที่จะทำให้ได้

ผมแน่ใจว่า ตำราที่ผมรวบรวมไว้ให้ท่านดาวน์โหลดจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกเขียน essay โดยเฉพาะอย่างยิ่ง essay ตัวอย่างที่เป็น model ให้ท่านศึกษา, ยิ่งได้อ่าน-สังเกต-ศึกษา มากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นประโยชน์มากเท่านั้น

และจริง ๆ แล้วการเขียน essay ก็ไม่ต่างจากการเขียนเรื่องที่เป็นสาระประเภทอื่น ๆ คือ มันเริ่มต้นที่ความคิด ทำอย่างไรจึงจะมีความคิดที่ดี และเรียบเรียงความคิดที่ดีนั้นออกมาเป็นงานเขียนที่ดี เพราะฉะนั้นการหัดเขียน essay (ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ) จะมีประโยชน์อย่างมากในการ exercise สมองให้แข็งแรง ทำให้ไม่แก่เร็ว

เชิญดาวน์โหลดตำราวิธีการเขียน และตัวอย่างที่ดีในการเขียน essay คลิก ที่นี่
ศึกษาเพิ่มเติม: การเขียน writing

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[340] ฟิตภาษาอังกฤษด้วยการฟังนิทาน

เพิ่ม 22 ธันวาคม 2553
http://storynory.com/
http://www.onlineaudiostories.com/tales-of-time-audio/
http://thestoryhome.com/
http://www.candlelightstories.com/
http://www.kidsaudiobooks.co.uk/mp3_downloads.htm คลิกที่ตัวอักษรที่ไม่มี X ทับ
http://www.storyteller.net/stories/audio
ระดับ basic
ระดับ Intermediate

*********
สวัสดีครับ
ที่ blog นี้ ผมได้ทำลิงค์ การฟัง listening เพื่อให้ท่านสามารถฝึกฟังภาษาอังกฤษขณะต่อเน็ต หรือดาวน์โหลดไฟล์ mp3, mp4 ไปเก็บไว้ฟังได้หลาย ๆ เที่ยว โดยไม่ต้องต่อเน็ตทุกครั้งที่จะฟัง ก็ได้

เรื่องฟังนี่แต่ละคนก็อาจจะชอบฟังต่างกันไป ที่รวมลิงค์การฟังข้างบน ผมจึงมีให้เลือกหลายอย่าง เช่น ฟังข่าว ฟังบทสนทนา ฟังบทสัมภาษณ์ ฟังการบรรยาย ฟัง audio book ฟังธรรมะ

และวันนี้ผมรวบรวมมาเป็นพิเศษอีกหัวข้อหนึ่ง คือ ฟังนิทาน โดยผมตั้ง spec ของเว็บฟังนิทานไว้ว่า
1. มีเสียงให้ฟัง อาจจะเป็น mp3 หรือ mp4(วีดิโอ) ก็ได้
2. ควรจะต้องมี script ให้อ่านประกอบการฟัง
3. เนื้อหาของนิทานควรมีหลากหลายให้เลือก คือสั้น – ยาว, ง่าย – ยาก และเนื้อเรื่องควรสนุก
4. จะเป็นการดีมาก ถ้าสามารถดาวน์โหลดไฟล์ mp3 หรือ mp4 เอาไว้ฟังได้หลาย ๆ ครั้ง แต่บางเว็บเขาก็ให้ฟังขณะต่อเน็ตอย่างเดียว ไม่ยอมให้ดาวน์โหลด

วันนี้ ผมมี 7 เว็บให้ท่านเลือกฟัง
เว็บที่ 1:
http://www.storylineonline.net/
เขาโชว์ครั้งละ 5 เรื่อง เมื่อคลิกที่ MORE STORIES! ที่ด้านล่างของคอลัมน์ซ้ายมือ ก็จะแสดง 5 เรื่องถัดไป, มีทั้งหมด 21 เรื่อง นิทานในเว็บนี้อ่านได้สนุกมากแม้อาจจะอ่านเร็วไปนิดหนึ่ง แต่ถ้าท่านฟังหลาย ๆ ครั้ง หรืออ่าน subtitle ประกอบก็จะรู้เรื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ
1. คลิกเรื่องที่ต้องการ
2. อ่านย่อหน้าเกริ่นนำเรื่อง ซึ่งจะบอกเวลาที่ใช้ในการอ่านด้วย
3. คลิก LET’S READ IT! และเลือก INTERNET CONNECTION SPEED ที่เหมาะสม
4. รอการโหลดให้จบ พอถึงตรงนี้ ท่านสามารถ
-ที่ปุ่มด้านขวา Captions On/Off ท่านสามารถคลิกให้มี / ไม่มี ปรากฏข้อความตามเสียงที่อ่าน, เหนือขึ้นไปท่านสามารถคลิก change speed ของ Internet ได้
-ท่านสามารถคลิกเพื่อ play / pause ตามต้องการ เช่น ถ้าฟังไม่ทัน อาจจะคลิกเพื่อให้ pause เพื่อท่านจะได้สามารถอ่านก่อนฟัง ก็ได้
-คลิกเครื่องหมาย x ที่มุมล่างขวา เพื่อปิดเรื่องนี้ และย้อนกลับไปหน้าหลัก
-คลิก RELATED ACTIVITIES, MORE ACTIVITIES, DOWNLOAD ACTIVITY GUIDE เพื่อศึกษาเพิ่มเติม
-คลิก VIEWER COMMENTS เพื่ออ่านคำวิจารณ์ของคนอื่นต่อเรื่องที่ได้ฟัง หรือเขียน comment ของตัวท่านเอง

เว็บที่ 2: sweetjunior.net
1, 2, 3, 4
1. คลิก Listen ท้ายบรรทัดเรื่องที่ต้องการฟัง
2. ไม่มี script ให้อ่าน ใช้วิธีคลิก play / pause และฟังหลาย ๆ เที่ยว ก็จะรู้เรื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ

เว็บที่ 3:
มี story animation สนุก ๆ 11 เรื่อง มีดนตรีประกอบด้วย
http://www.bbc.co.uk/cbeebies/tweenies/storytime/stories/viewall.shtml

เว็บที่ 4:
เว็บฟังนิทาน มี 112 เรื่อง บางเรื่องก็แทรกเรื่องการสอนหลักภาษาเข้าไปด้วย
http://www.beenleigss.eq.edu.au/requested_sites/audiostories/index.html

เว็บที่ 5:
http://www.candlelightstories.com/soundstoryblog/SoundStoryBlog.htm
1. คลิกที่เดือนใต้คำว่า Archives จะเห็นว่าในแต่ละเดือนมีนิทานเสียง 1 – 2 เรื่อง
January 2007
February 2007
March 2007
October 2007
February 2008
2. เพื่อฟังเสียงอ่านนิทาน ให้คลิกขวาที่ DOWNLOAD MP3 AUDIO หรือ DOWNLOAD OUR FREE LEARNING VIDEO และคลิกซ้าย Save Target As… รอจนดาวน์โหลดไฟล์ mp3 หรือ mp4 เสร็จ ไฟล์นี้สามารถเปิดฟังเสียงได้อีกโดยไม่ต้องต่อเน็ต
3. เลื่อนลงมาข้างล่าง และคลิกที่ Read Credits And Full Audio Script หรือ
Read Full Audio Script และ Save script ของนิทานเรื่องนี้ไว้

เป็นอันว่านิทานเรื่องนี้ เรา save เก็บไว้ทั้งไฟล์เสียง (mp3 หรือ mp4) และไฟล์ข้อความ ทำเช่นนี้กับทุกเรื่องเพื่อเก็บไว้ศึกษาทั้งเรื่องการฟังและการอ่าน

เว็บที่ 6:

http://eduscapes.com/tap/topic93.htm
บรรทัดที่มีไอคอนรูปลำโพง มีนิทานที่มีเสียงให้ฟัง

เว็บที่ 7:
มี Audio Stories ให้ฟังมากกว่า 130 เรื่อง คลิกที่ Listen

เพิ่ม 30 สิงหาคม 51
เว็บที่ 8: นิทานเรื่อง Oh and Ah เอาเมาส์วางบนข้อความ จะได้ฟังสียงอ่านทีละวลี หรือทีละประโยค เมื่อวางอีกก็จะได้ฟังซ้ำ
http://www.foniks.org/ohandah/contents.html

เว็บอ่านนิทาน
beenleigss.qld.edu.au
sundhagen.com/babbooks

พิพัฒน์

pptstn@yahoo.com

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[339] จะสมัครชิงทุนการศึกษาของรัฐบาล เชิญที่นี่!!

สวัสดีครับ
ท่านที่จะสมัครชิงทุนการศึกษาของรัฐบาล เชิญไปศึกษารายละเอียดจากเว็บของ 2 หน่วยงานนี้
[1] สำนักงาน กพ.
การสอบเพื่อรับทุน การศึกษาต่อต่างประเทศ

[2] สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ
(ชื่อเดิม 'กรมวิเทศสหการ') กระทรวงการต่างประเทศ
สมัครขอรับทุนต่างประเทศ

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

[338] บ้านเมืองของเรากำลังเดินไปทางไหน?

สวัสดีครับ
ท่านดู Clip วีดิโอ และข่าวสด Internet TV ข้างล่างนี้ และตอบคำถามข้างต้นให้ผมด้วยนะครับ

[1] ดู Clip วีดิโอข่าว นายกฯ สมัคร พูดเกี่ยวกับการประท้วง

[2] ดูถ่ายทอดสด ASTV ทางเน็ต

[3] ดูข่าวสด สถานีข่าว Nation Channel ทางเน็ต

[4] ดู Clip วีดิโอข่าว BBC

[5] ดู Clip วีดิโอข่าว CNN

พิพัฒน์
วันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2551 เวลา 17.41 น.
pptstn@yahoo.com

[337]เขียนไดอะรี่วันละ 1 ประโยค(one sentence daily)

สวัสดีครับ
มีภาษิตฝรั่งว่า Practice makes perfect. จะเก่งได้ต้องฝึกทำบ่อย ๆ เรื่องการเก่งภาษาอังกฤษของพวกเราก็เช่นเดียวกันแหละครับ คือ ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน ต้องฝึกถึงจะทำเป็น และต้องฝึกบ่อย ๆ ถึงจะทำได้เก่ง

ใน 4 เรื่อง คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน นี้ ผมสังเกตว่า เรื่องการเขียนเป็นเรื่องที่คนทั่วไปใช้น้อยที่สุด จะไปหนักที่การสนทนา หรือการอ่านและการฟังซะมากกว่า แต่ผมกำลังจะบอกท่านว่า การเขียนนี่นะครับ คือกองหนุนที่ดีมากที่จะทำให้เราเก่งอีก 3 เรื่อง เพราะขณะที่เราเขียน เราได้ทบทวนเรื่องศัพท์สำนวน เรื่องไวยากรณ์ เรื่องการแต่งประโยค และได้นึกออกเสียงในใจเมื่อสะกดคำขณะเขียน การฝึกให้เขียนเก่งก็จะเป็นฐานที่แข็งแรงให้เราฟังเก่ง พูดเก่ง และอ่านเก่งตามไปด้วย

แต่เมื่อเราไม่ค่อยมีเรื่องให้ต้องเขียน เราก็ต้องหาเรื่องเขียน และวิธีที่ผมคิดว่าน่าจะสะดวกต่อการฝึกเขียนและสร้างความเบื่อหน่ายให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ก็น่าจะเป็นการเขียนไดอะรี่วันละ 1 ประโยค ประโยคเดียวเท่านั้น แต่ถ้าจบประโยคแรกแล้วถ้ายังอยากจะเขียนต่อก็ขออนุโมทนาด้วย แต่ถ้าขี้เกียจเขียนก็เอาแค่ประโยคเดียวนั่นแหละ แต่ต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะ

และแล้วเพื่อหาว่า มีใครเขาพูดอะไรไว้บ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็เข้าไปที่ Google และพิมพ์คำว่า one sentence daily ลงไป ก็ได้ลิงค์เหล่านี้มาอ่าน
เชิญคลิกอ่าน 1, 2, 3, 4

เมื่ออ่านแล้วผมจึงได้พบว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากการเขียนไดอะรี่นั้น คือ การทำให้เกิดความทรงจำที่ดี รู้จัดจัดระเบียบความคิด ทำให้ใจสงบได้ง่าย สามารถวิเคราะห์แยกแยะเรื่องที่สำคัญมากออกจากเรื่องที่สำคัญน้อย และเมื่อมีเวลาว่างกลับไปอ่านสิ่งที่บันทึกไว้ ก็อาจจะทำให้เรารู้จักตัวเองในแง่มุมที่เราไม่ค่อยได้รู้จักมาก่อน เช่น เราคิดว่าเราเป็นคนปล่อยวางได้และมักจะมองโลกในแง่ดี แต่เมื่ออ่านย้อนหลังไปหลาย ๆ หน้าซึ่งเป็นการยืนอยู่ ณ ที่ปัจจุบันและมองย้อนไปในอดีต อาจจะตกใจและสงสัยว่า ทำไมบ่อยครั้งเราไปกังวลกับเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องกังวล หรือทำไมต้องมองโลกในแง่ร้ายมากขนาดนั้น หรือบางครั้งเราอาจจะอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมเราถึงสามารถเขียนอะไรในวันนั้นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งถึงปานนั้น

ด้วยเหตุฉะนี้ การเขียนไดอะรี่จึงมีประโยชน์ทั้งขณะที่เขียนที่เป็นโอกาสให้เราจัดระเบียบความรู้สึกนึกคิด เหมือนทำงานมาทั้งวันพอถึงเวลาเลิกงานก็เคลียร์เอกสารบนโต๊ะหรือในลิ้นชักให้เรียบร้อย ก็จะช่วยให้ชีวิตและการงานในวันต่อไปไม่ยุ่งเหยิงมากนัก และยังมีประโยชน์เมื่อเรามารวบยอดทบทวนอ่านในวันหลัง ๆ ได้เห็นเส้นกราฟของความรู้สึกนึกคิดหรือพฤติกรรมของตนเอง ถ้าเห็นว่าอะไรควรจะลด - ละ - เลิก – เริ่ม - เร่ง ก็จะได้จัดการซะเลย

แต่เมื่อมองพฤติกรรมโดยรวมของคนไทย ผมรู้สึกว่าเราไม่มีวัฒนธรรมในการเขียนมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการเขียนภาษาอะไรก็ตาม แต่วันนี้ผมกำลังจะชวนท่านฝึกเขียนภาษาอังกฤษวันละ 1 ประโยค ผมขอรับรองว่า ท่านได้ประโยชน์แน่ ๆ อย่างน้อย 2 อย่าง คือ 1. ได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของท่าน และ 2. ช่วยทำให้ชีวิตของตัวท่านเองดีขึ้นเพราะกิจกรรมเล็ก ๆ เช่นนี้แหละ

ถ้าท่านใดไม่สะดวกที่จะต่อเน็ต ก็หาสมุดไดอะรี่ที่สวยงามสัก 1 เล่มไว้เขียนวันละ 1 ประโยค (one sentence daily) อาจจะเป็นอะไรก็ได้แค่ประโยคเดียวเท่านั้นเอง เช่น เรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน ข้อมูล ความรู้สึก ความคิดเห็น คำพูดดี ๆ ข่าวสำคัญ ถ้ามันมีเยอะนักและขี้เกียจเขียนยาว ๆ เป็นภาษาอังกฤษ ก็เอาอะไรก็ได้ที่เด่นที่สุดในสมองของเรา และเขียนลงไปในหน้าไดอะรี่

แต่ถ้าท่านใดสะดวกที่จะต่อเน็ต ผมขอแนะนำให้ท่านหาเว็บไซต์ที่ท่านสามารถเขียนไดอะรี่ส่วนตัว online เก็บไว้ ไดอะรี่ของท่านก็จะเป็นความลับเฉพาะตัวท่านเอง และท่านก็ไม่ต้องมีปัญหาในการจัดเก็บหรือกลัวว่าสิ่งที่ท่านเขียนไว้จะสูญหาย ขออย่างเดียวอย่าลืม password แล้วกัน

ผมขอแนะนำเว็บนี้ http://www.my-diary.org/ เมื่อท่านสมัครและยืนยันการเป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลาจะเขียนไดอะรี่ ก็ให้ท่าน
-เติม Email และ password ที่ท่านตั้งขึ้นมาลงไป (ตอนสมัครถ้ามีคำว่า Public ให้เลือก No เพื่อให้ไดอะรี่ของท่านเป็นการบันทึกส่วนตัว)
- คลิก New เพื่อเขียน เมื่อพิมพ์เสร็จ ให้คลิก submit ที่ด้านล่าง
-คลิก Lookup เพื่ออ่าน (Read) แก้ไข (Edit) หรือลบ (Delete) สิ่งที่ท่านเขียนไปแล้ว
-พิมพ์ คำค้น ในช่อง Search my diary. เพื่อค้นหาเรื่องที่ท่านเคยเขียน แต่จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ที่ไหน
-ถ้าท่านต้องการตั้งค่าให้คนอื่น ๆ สามารถอ่านไดอะรี่ของท่าน (Public) ก็ทำได้ โดยเมื่อ Log in แล้วก็คลิกที่ Account , ตรง Public ให้เปลี่ยนจาก No เป็น Yes และคลิก update diary account
-คลิก Lockout เมื่อจะออกจากการเขียน
-ถ้าท่านต้องการอ่านไดอะรี่ของคนอื่นที่เขาตั้งค่าให้คนอื่นอ่านได้ ก็ไปที่หน้าแรก http://www.my-diary.org/ และคลิกที่ Read what others have written หรือท่านอาจจะค้นโดยใช้ช่อง Search for ก็ได้ การได้อ่านไดอะรี่ของคนอื่นในลักษณะนี้มีประโยชน์ทั้งในด้านการศึกษาการเขียนภาษาอังกฤษ และได้อ่านเหตุการณ์ ความรู้สึกนึกคิดเของผู้อื่น

กิจกรรมทำเล่น ๆ เช่นนี้ มีประโยชน์ไม่น้อยเลยนะครับในการฟิตภาษาอังกฤษ

ศึกษาเพิ่มเติม:
-ฝึกอ่านไดอะรี่–ฝึกเขียนไดอะรี่ ได้ที่นี่ครับ
-เขียนไดอะรี่เป็นภาษาอังกฤษ

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[336] เชิญดาวน์โหลดนิยายดังระดับโลก

เพิ่มเติม 3 พค 2553
1. The Appeal by John Grisham
2. The Story of Edgar Sawtelle by David Wroblewski
(USA bestseller, 2008)

หมายเหตุ 8 สค 52:
ลิงค์เดิมที่ให้ดาวน์โหลดนิยาย รู้สึกว่าบางวันมันเกเร ไม่ยอมให้ดาวน์โหลด
ท่านใช้ลิงค์ชุดใหม่ข้างล่างนี้แล้วกันครับ

Sydney Sheldon
Sydney_Sheldon_-_If_Tomorrow_Comes
Sydney_Sheldon-_A_Stranger_in_the_Mirror
Sydney_Sheldon-_Are_You_Afraid_of_The_Dark
Sydney_Sheldon-_Best_Laid_Plans
Sydney_Sheldon-_MEMORIES_OF_MIDNIGHT
Sydney_Sheldon-_Morning_Noon__Night
Sydney_Sheldon-_Nothing_Lasts_Forever
Sydney_Sheldon-_RAGE_OF_ANGELS
Sydney_Sheldon-_THE_DOOMSDAY_CONSPIRACY
Sydney_Sheldon-_The_Otherside_of_Midnight
Sydney_Sheldon-_THE_SANDS_OF_TIME
Sydney_Sheldon-_WINDMILLS_OF_THE_GODS

James Clavell James Clavell

Dan Brown
The_da_vinci_code
Dan_Brown_-_Angels_and_Demons
Dan_Brown_-_Deception_Point
Dan_Brown_-_Digital_Fortress

Harry Potter
http://www.e4thai.com/e4e/images/pdf/HP7.zip

John Grisham

http://www.4shared.com/file/80845797/e6fb7530/ebookprovidercocc_John_Grisham_-_A_Painted_House.html
http://www.4shared.com/file/108640774/9ecbfbb2/EbookProvidercocc_John_Grisham_-_Skipping_Christmas.html
http://www.4shared.com/file/83387908/99ce3136/ebookprovidercocc_John_Grisham_-_The_Firm.html
http://www.4shared.com/file/80845618/bf5f889e/ebookprovidercocc_John_Grisham_-_The_Rainmaker.html

Stephanie Meyer http://www.4shared.com/file/93988588/6d5f71f4/EbookProvidercocc_Stephanie_Meyer_-_Eclipse.html
http://www.4shared.com/file/84722294/6eb7bdbe/ebookprovidercocc_Stephanie_Meyer_-_New_Moon.html
http://www.4shared.com/file/83388369/ed6733a6/ebookprovidercocc_Stephenie_Meyer_-_Twilight_01_-_Twilight.html

* * * * *
สวัสดีครับ
ต้นฉบับภาษาอังกฤษนิยายดังระดับโลกที่ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์ข้างล่างนี้ ผมไม่แน่ใจว่ามีการแปลเป็นภาษาไทยบ้างแล้วหรือไม่ ถ้ามี ท่านก็อาจจะหามาอ่านเปรียบเทียบได้ หรือจะอ่านภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องสนใจภาษาไทยก็ได้

เชิญครับ...

อ่านรายชื่อนักประพันธ์นิยายขายดีระดับโลก คลิกที่นี่

* * * ดาวน์โหลดนิยายของนักประพันธ์ชื่อดังระดับโลก * * *\
[หมายเลข 3, 4, 6, 7,และ 8 เวลาจะดาวน์โหลด ให้คลิกขวาที่ลิงค์ และ คลิกซ้าย Save Target As...]

1- Sidney Sheldon มีให้ดาวน์โหลดครบชุดทุกเล่มที่เขาประพันธ์ คลิกที่นี่
2- James Clavell มีครบทั้งชุด คลิกที่นี่
3- Dan Brown ผู้แต่งนิยายดัง 4 เล่ม คือ The DaVinci Code, Angels and Demons, Deception Point และ Digital Fortress คลิกที่นี่
4- John_Grisham มีต้นฉบับนิยายของเขาให้ดาวน์โหลด 17 เล่ม คลิกที่นี่
5- J. K. Rowling ผู้แต่ง Harry Potter มีให้ดาวน์โหลดทั้งหมด 7 เล่ม คลิกที่นี่
6- Agatha Christie มีเรื่องสั้นสืบสวนสอบสวนของเขาให้ดาวน์โหลดครบชุด คลิกที่นี่ และเรื่องอื่น ๆ คลิกที่นี่
7- Stephenie Meyer วันก่อนผมไปพบในร้านหนังสือว่าเขาก็แต่งนิยาย best seller 4 เล่ม Breaking Down, Twilight, Eclipse และ New Moon ผมยังไม่มีเวลาอ่าน อ่านไปอ่านแล้วมาแล้วให้ผมฟังบ้างแล้วกันครับ คลิกที่นี่
8- J. R. R. Tolkien ผู้แต่ง The Lord Of The Rings มีให้ดาวน์โหลดทั้ง collection
คลิกที่นี่
9-Stephen King นิยาย 47 เล่ม คลิกที่นี่


ถ้าพบมากกว่านี้ ผมจะเอามาเพิ่มเติมอีก ในโอกาสต่อไปครับ

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[335]"You and Me" -Beijing Olympics 2008 Song

สวัสดีครับ
ต้องถือว่าผมช้าไปขนาดหนักทีเดียวที่เพิ่งเอาวีดิโอเพลง "You and Me" ซึ่งเป็นเพลงของ Beijing Olympics 2008 มาเปิดให้ท่านชม

แต่ช้าไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่มีเลย ท่านใดเคยฟังแล้ว จะชมซ้ำกHได้ครับ เพราะวีดิโอประกอบเพลงทำได้ดีมาก ผมเลือกที่มี English subtitles มาให้ท่านศึกษาด้วย
คลิกที่นี่ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=hj1L8HyWEY8

แต่ถ้าท่านใดคลิกข้างบนและชมได้ไม่ราบเรียบ ให้ดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอขนาด 15.7 MB ข้างล่างนี้ ดาวน์โหลดเสร็จแล้วค่อยเปิดชม ก็จะได้วีดิโอที่ชัดแจ๋ว (คลิกขวาที่ Download และคลิกซ้ายเลือก Save Target As...) Download

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

[334]สองลิ่งที่ต้องทำเอง:1.วางแผน 2.ลงมือเรียน

สวัสดีครับ
หลายครั้งที่ผมได้รับข้อความทำนองข้างล่างนี้จากท่านผู้อ่าน...

1. ช่วยแนะนำว่าควรจะเริ่มต้นเรียนตรงไหนดี เพราะเว็บที่แนะนำมันเยอะไปหมดจนเวียนหัว
2. ช่วยแนะนำการเรียนตั้งแต่เริ่มต้น A, B, C… เลย เพราะภาษาอังกฤษของผมหรือของหนูอ่อนมาก หรือที่เคยเรียนมาลืมไปหมดแล้ว
3. จะต้องทำยังไงถึงจะเก่งภาษาอังกฤษได้เร็ว ๆ เพราะต้องไปสอบที่นั่น ๆ หรือได้งานใหม่ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ
4. ผม (หนู) จะต้องวางแผนการเรียนภาษาอังกฤษยังไงจึงจะได้ผลเร็ว
5. ช่วยแนะนำโรงเรียนหรืออาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่เก่ง ๆ

คำตอบของผมต่อคำถามข้างบนนี้คือ
ข้อ 1. ผมไม่ทราบครับ
ข้อ 2. ผมไม่ทราบครับ
ข้อ 3. คุณต้องหาวิธีเองครับ
ข้อ 4. คุณต้องคิดเอาเองครับ
ข้อ 5. ผมไม่ทราบครับ

เมื่ออ่านคำถามและคำตอบแล้ว ท่านอาจจะรู้สึกว่า ผมเป็นคนใจดำและตัดรอนอย่างไร้น้ำใจ ก็อาจจะมีส่วนจริงครับ แต่ที่จริงกว่านี้ก็คือ คำตอบที่ผมให้ไว้นั่นแหละครับจริงที่สุด

วันนี้ผมตั้งชื่อหัวข้อไว้ว่า “สองลิ่งที่ต้องทำเอง 1.วางแผนเรียน 2.ลงมือเรียน” ในสิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้ ผมจะพยายามพูดให้ชัดที่สุดว่าทำไมผมจึงตอบเหมือนไร้ไมตรีอย่างนั้น

จากแบบสำรวจความคิดเห็น ในลิงค์ * คลิกแสดงความคิดเห็น * ปรากฏว่า ผู้ที่เข้ามาใช้ blog นี้แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ได้ดังนี้(ก) เป็นนักศึกษา (29%)
(ข) เป็นครู อาจารย์ (7%)
(ค) รับราชการ (11%)
(ง) ทำงานส่วนตัว (14%)
(จ) เป็นพนักงานบริษัท (36%)

จะเห็นได้ว่ากลุ่มที่ใหญ่ที่สุด เป็นพนักงานบริษัท ซึ่งน่าจะเป็นคนที่จบการศึกษาแล้วและจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษในงานที่รับผิดชอบ และกลุ่มถัดไปเป็นนักเรียน-นักศึกษา ซึ่งผมไม่แน่ใจนักว่าวัตถุประสงค์หลักของเขา คือ ต้องการฟิตภาษาอังกฤษเพื่อสอบให้ผ่าน หรือเตรียมตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษไว้เพื่อชีวิตการทำงานในอนาคต

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อบวกกับ feedback ที่ผมได้รับจากข้อความแสดงความคิดเห็นใน Post และ email ส่วนตัวที่ส่งถึงผม ดูเหมือนว่าทุกคนต้องการเก่งภาษาอังกฤษ และอยากจะเก่งให้ได้อย่างรวดเร็วทันใจซะด้วย ทุกคนไม่อยากรอนาน

ผมว่าเราลองมานั่งทบทวนอะไรกันเล่น ๆ ดีกว่า....

การศึกษาในบ้านเราตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์มาแล้ว เป็นการที่เราเรียนจากครู ครูคือผู้ให้ความรู้ ศิษย์คือผู้รับความรู้ ครูที่เก่งคือครูที่สามารถถ่ายทอดความรู้จนศิษย์เก่งเหมือนครูหรือเก่งยิ่งกว่าครู การศึกษาแบบนี้ครูจึงสำคัญมาก มากจริง ๆ

และต่อมาเมื่อมีมหาวิทยาลัยเปิดถาวร คือ ม.รามคำแหง และ ม.สุโขทัยฯ การศึกษาของเราจึงได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เรามี “ตำรา” ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนครู และในยุคต่อ ๆ มาเมื่อสื่อการศึกษาอย่างอื่น ๆ มีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่มากขึ้นทั้งปริมาณและเนื้อหา เทป CD การเรียนทางวิทยุ โทรทัศน์ และสุดท้ายคือ Internet มันทำให้เกิดคำพูดขึ้นมาว่า เราสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดชีวิต เพราะแหล่งที่จะให้ความรู้มันมีมากมายไม่จำกัด ไม่จำเป็นต้องมี “ครู” ก็เรียนได้ ถ้าเราสามารถเรียนได้ด้วยตัวเอง

แต่ผมก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า คนไทยเรามีทักษะในการศึกษาด้วยตัวเองมากน้อยแค่ไหน ทำไมผมถึงรู้สึกเช่นนี้? ก็เพราะว่า ถ้าเราสามารถศึกษาได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะในเรื่องทักษะภาษาอังกฤษที่เรากำลังฟิตกันอยู่นี้ เราจะต้องสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้:
1. ตอบได้ตรง ๆ ชัด ๆ ว่า ตนเองจะฟิตภาษาอังกฤษไปทำไม – คือ ถ้าเราอยากไปซะทุกอย่าง วัตถุประสงค์ของเราก็จะ blur เช่น
- เพื่อเอาไปใช้ในการทำงานปัจจุบัน ให้ทำงานได้ดีขึ้น หรือมีโอกาสมากขึ้นในการได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
- เพื่อใช้หารายได้พิเศษหรือเพิ่มเติม
- เพื่อเป็นคุณสมบัติให้สามารถสมัครเข้าทำงานได้
- เพื่อเป็นเครื่องมือในการหาความรู้
- เพื่อให้สอบวิชานี้ได้ จะได้จบการศึกษา
- เพื่อมีเพื่อนใหม่เป็นชาวต่างชาติ
- เพื่อการท่องเที่ยวในต่างแดน
- เพื่อหาความเพลิดเพลิน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ฯลฯ
- เพื่อช่วยเหลือคนอื่น
- เพื่อ ฯลฯ และ ฯลฯ
ข้อ 1 นี้เราจะต้องสามารถตอบตัวเองให้ชัด เราจะได้มุ่งเป้าเพื่อทำสิ่งนั้นเป็นอันดับ 1, 2, 3… ไม่ใช่ทำมันไปซะทุกอย่าง ผลสุดท้ายเลยทำให้ดีไม่ได้สักอย่าง ทั้งนี้เพราะว่าเรามีเงิน, เวลา, ทรัพยากร ฯลฯ จำกัด เราจึงต้องวางแผนว่า เราจะเอาไปใช้ฟิตอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์อะไรที่เจาะจง

2. เมื่อหาวัตถุประสงค์ที่เจาะจงได้แล้ว เราก็ต้องถามตัวเองต่อไปอีกว่า ทักษะสุดท้ายที่เราต้องการให้เกิดขึ้นคืออะไร เช่น
- จะต้องพูดได้คล่องปรื๋อไม่ติดขัดเลย
- ดูหนังฝรั่งรู้เรื่องโดยไม่ต้องอ่าน subtitle ภาษาไทย
- อ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่งได้ง่าย ๆ เหมือนอ่านไทยรัฐ เดลินิวส์
- เขียนจดหมายโต้ตอบกับฝรั่งโดยไม่ต้องนั่งนึกนาน
- ฯลฯ
และแม้ว่าจริง ๆ แล้วเราอาจจะอยากเก่งไปซะทุกเรื่อง แต่เราก็ต้องเลือก "จัดลำดับความอยาก" เพื่อทำให้เกิดทักษะ 1, 2, 3... ไปตามลำดับ คือจัด % ของเวลาหรือความพยายามอย่างเหมาะสมให้กับแต่ละทักษะที่จะฝึก

3. พอรู้ว่าคำตอบสุดท้ายคืออะไรแล้ว ก็ต้องถามตัวเองว่าเรามีทรัพยากรอะไรบ้าง ที่จะช่วยให้เราเดินทางไปถึงที่หมาย เช่น
- เรามีเวลาว่างที่สามารถเจียดให้กับการฟิตภาษาอังกฤษวันละกี่ชั่วโมง หรือเราสามารถลดเวลาในการทำกิจกรรมอย่างอื่นมาเพิ่มให้กับการเรียนภาษาอังกฤษได้หรือไม่ ได้เท่าไร
- เราสามารถแทรกการฟิตภาษาอังกฤษเข้าไปในกิจกรรมประจำวันของเราได้หรือไม่ อย่างไร
- เรามีเงินซื้ออะไรได้เพิ่มเติมบ้าง เพื่อทำให้การฟิตภาษาอังกฤษของเราง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เช่น ติดตั้ง high speed Internet
- มีเพื่อน หรือมีใครบ้างไหมที่เราสามารถขอความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการศึกษาภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่เรากำลังพยายามอยู่
- ฯลฯ

4. มีอะไรที่เป็นจุดอ่อนที่เรามักจะแพ้ตัวเอง จนทำให้การฟิตภาษาอังกฤษของเราไปไม่ถึงไหนซะที เช่น
- พอเราเบื่อหรือง่วง เราจะหยุดทันที เราแพ้ตัวเองทุกครั้ง
- เราอ่อนศัพท์ และไม่ยอมลงทุนเพื่อเพิ่มคำศัพท์
-เราอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง และไม่ยอมทนฝึกตีความด้วยตัวเอง เราชอบแต่จะถามคนอื่นว่าประโยคนั้นประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร แต่เราไม่ชอบคิดเอง ตีความหมายด้วยตัวเอง
-เราใจร้อนเกินไป และรู้สึกท้อง่ายเกินไป พอฟังหรืออ่านไม่ค่อยรู้เรื่องก็ไม่อยากทนฝึกต่อ
- เราละเลยตารางฝึกที่เราตั้งไว้ให้ตัวเองทำ และละเลยอย่างง่ายดาย เรามีข้อแก้ตัวเสมอที่จะไม่ทำตามการบ้านภาษาอังกฤษที่เราให้แก่ตัวเอง
-เราไม่กล้าฝึกพูดแม้เราอยากจะพูดเป็น
-เราไม่กล้าทำอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่เรารู้ว่าจะช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ แม้รู้ว่าทำแล้วดี
-ฯลฯ

ถ้าท่านตอบคำถามข้างต้นได้ครบถ้วน อย่างตรงไปตรงมา ชัดเจน และเจาะจง ก็ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องวางแผนฟิตภาษาอังกฤษของตัวท่านเอง ว่าในวันหนึ่ง สัปดาห์หนึ่ง หรือเดือนหนึ่ง ท่านจะทำอะไรบ้าง ทำอย่างละกี่นาที และห้ามขาด ถ้ามีเหตุสุดวิสัยทำให้ไม่สามารถทำได้ตามตารางที่วางไว้ ก็รีบไปทำเพิ่มชดเชยในวันถัดไป

เปรียบเทียบเหมือนกับการเป็นโรคเพื่อรักษาอาการภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง ท่านจะต้องวินิจฉัยโรคของตัวเอง และปรุงยาให้ตัวเอง ไม่มีใครทำแทนท่านหรอกครับ เรื่องอย่างนี้ท่านต้องทำเอง
สารพัดเว็บที่ผมแนะนำไว้ใน Blog นี้ (คลิกและอ่าน ถาม-ตอบ ข้อที่ 1,2,3,4) คือยาที่ท่านสามารถหยิบขึ้นมารักษาโรคภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงที่ท่านประสบอยู่ แต่ทั้งหมดนี้ท่านต้องทำเอง คือ 1.วางแผนเรียนเอง และ 2.ลงมือเรียนเอง ไม่มีใครช่วยท่านได้หรอกครับ

ผมยังเข้าข้างตัวเองว่า คำตอบของผมไม่ได้ไร้น้ำใจจนเกินไป

พิพัฒน์ 

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[333]รวบรวมเว็บของรัฐที่สอนภาษาอังกฤษแก่ประชาชน

สวัสดีครับ
มีหน่วยงานของรัฐบางแห่ง ทำคอลัมน์ให้ความรู้ด้านทักษะภาษาอังกฤษแก่ประชาชน เนื้อหาที่นำมาลงนั้น บ้างก็เขียนขึ้นมาใหม่ บ้างก็ทำเป็นลิงค์จากเว็บดี ๆ ของต่างประเทศ เว็บเหล่านี้หลายเว็บผมเคยแนะนำไว้แล้วที่ Blog นี้ วันนี้ขอนำมารวบรวมไว้ที่เดียวกัน

ผมอยากขอร้องท่านผู้อ่าน 1 เรื่อง คือ ถ้าไปพบเว็บไซต์อื่น ๆ ของภาครัฐทำนองนี้ ช่วยแจ้งผมด้วย จะได้ทำให้การรวมเว็บประเภทนี้สมบูรณ์ขึ้น ขอบคุณครับ

[1] สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
http://www.bic-englishlearning.com/

[2] กรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ
[213] ดาวน์โหลดตำราภ.อังกฤษ 7 เล่ม ฟรี(ก.ศึกษาฯ)

[3] Digital Library (คลังความรู้บนเว็บ)
-จะไปที่ ลิงค์นี้ และคลิกเปิดอ่านไปทีละบทความ แต่ถ้าโชคร้ายอาจจะเจอลิงค์ตายบ่อย
-หรืออาจจะไปที่ ลิงค์นี้ แล้วเลือกคลิกลิงค์ที่ต้องการก็ได้ อาจจะพบลิงค์ตายน้อยกว่าลิงค์บน

[4] มหาวิทยาลัยรามคำแหง
-อ่านคำแนะนำในการหาตำรารามฯ อ่านผ่านเน็ต คลิกที่นี่
[332]อ่านตำราเกือบทุกเล่มของ รามคำแหงได้ที่เว็บนี้
-ชมเทปบันทึกการบรรยายที่รามคำแหง
http://board.ru.ac.th/testEMC/center/center.php

[5] สถาบันนวัตกรรมและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล
[206]สำหรับท่านที่ต้อง take care ชาวต่างประเทศ

[6] ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ

(ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546)
[132] เว็บศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ

[7] กระทรวงการต่างประเทศ
- คำศัพท์ – คำย่อทางการทูต
- แบบฟอร์มคำร้องและตัวอย่างคำแปล
http://www.mfa.go.th/web/804.php

[8] สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ- TICA
(ชื่อเดิม กรมวิเทศสหการ)
http://www.anamai.moph.go.th/tica/tica.html
[287] ข้อสอบพร้อมเฉลย กรมวิเทศสหการ

[9] รายการเพื่อการศึกษา จากสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV )
[66] ชมวีดิโอ บรรยายวิชาภ.อังกฤษ ชั้นประถม - มัธยม

[10] กระทรวงกลาโหม เพิ่ม 27 สค 51
The Technical Language Center
English Tip: http://www1.mod.go.th/etmr/tip.html
Practice Test: http://www1.mod.go.th/etmr/practic.html
และคลิกลิงค์อื่น ๆ ที่คอลัมน์ซ้ายมือ

[11] ราชบัณฑิตยสถาน เพิ่ม 2 ตุลาคม 2553
http://english-for-thais-2.blogspot.com/2009/04/1037.html

ศึกษาเพิ่มเติม
- ภาษาอังกฤษสำหรับแพทย์ - พยาบาล
http://www.eng4nurses.com/

Links เว็บไซต์ต่างประเทศเรียนภาษาอังกฤษ
http://ict.moph.go.th/English/content/links.htm
http://ict.moph.go.th/English/content/references.htm

รวมเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งข้อมูลฐานความรู้ , รวมเว็บไทยที่น่าสนใจ
http://www.cabinet.thaigov.go.th/webdirect.htm
http://line.learn.ac/

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

[332]อ่านตำราเกือบทุกเล่มของ รามคำแหงได้ที่เว็บนี้

สวัสดีครับ
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ผมรู้สึกว่าคนไทยเราทั่วไปอ่าน “ตำรา” ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาเท่านั้น แต่เมื่อเรียนจบและพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาแล้ว ก็หันหลังให้ตำราโดยสิ้นเชิง ไปอ่านหนังสืออื่น ๆ ที่ไม่ใช่ตำรา เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร นิยายไทย นิยายจีนกำลังภายใน หนังสือการ์ตูน หนังสือแปล หนังสือดัง ๆ ที่มาจากเมืองนอกที่เป็นประเภท best seller ทั้งที่เป็นนิยายและไม่ใช่นิยาย (fiction & non-fiction) ฯลฯ พูดง่าย ๆ ก็คือ นิสัยการอ่านของคนไทยนั้น ถ้าจะอ่านก็อ่านอย่างอื่นที่ไม่ใช่ “ตำรา”

ทำไมคนไม่ชอบอ่านตำรา ทั้ง ๆ ที่ตำราของมหาวิทยาลัยนั้น ต้องมีคุณภาพมาก ต้องถูกกลั่นกรองมามาก ก่อนที่จะได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นตำราของมหาวิทยาลัย คำตอบง่าย ๆ ที่ฟังขึ้นก็น่าจะเป็นเพราะว่า ตำราเป็นสิ่งที่ “หนัก” ชีวิตประจำวันก็หนักอยู่แล้วทำไมต้องไปทำให้มันหนักขึ้นไปอีกด้วยการอ่านตำรา

แต่ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกตะหงิดใจอยู่ คือ พอมีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ครั้งใดก็เห็นคนไปกันเพียบ และพูดก็พูดเถอะครับ แม้เท่าที่สังเกตร้านของหลายมหาวิทยาลัยที่ไปเปิดบูธขายตำราจะมีคนมุงดูไม่เยอะเหมือนร้านอื่น แต่เมื่อไปดูหนังสือซึ่งวางขายที่บูธอื่น มีหนังสือจำนวนไม่น้อยที่มีเนื้อหาไม่ต่างจากเนื้อหาในตำรา แต่ว่ารูปเล่มสวยกว่า มีชื่อเสียงมากกว่าเพราะการโฆษณา และก็แน่นอนว่าขายแพงกว่า ตัวอย่างทั้งหมดนี้แสดงย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า คนไทยเราไม่ชอบอ่านตำรา และมี negative thinking เกี่ยวกับหนังสืออะไรก็ได้ที่ปะยี่ห้อว่า “ตำรา”

แต่วันนี้ผมกำลังจะบอกท่านว่า ขอให้ท่านสลัดความรู้สึกลบ (ถ้ายังมีในใจท่าน) ออกไปชั่วคราวก่อน และลองเข้าไปที่เว็บของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเขามีตำราวิชาต่าง ๆ มากมายของทุกคณะที่เปิดสอนในท่านอ่านฟรี ๆ

เมื่อท่านคลิกที่ลิงค์นี้
http://e-book.ram.edu/e-book/handbookram/handbookramhtml/content.htm
ท่านจะเห็นชื่อคณะและหลักสูตรต่าง ๆ ถ้าท่านคลิกแต่ละลิงค์เข้าไปเรื่อย ๆ ท่านก็จะพบ code และชื่อของวิชาที่รามคำแหงฯเปิดสอน และที่ผมจะบอกท่านวันนี้ก็คือตำราจำนวนมาก (ไม่แน่ใจว่าถึง 80 % หรือไม่) มีให้ท่านอ่านฟรี

[อ้อ! ต้องขอหมายเหตุไว้ตรงนี้ก่อนว่า ตำราที่รามฯ ให้เราอ่านฟรีนี้เป็นไฟล์ pdf ถ้าท่านใดยังไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมอ่าน pdf ไว้ในเครรื่องคอมฯ เชิญไปดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ: โปรแกรมอ่านไฟล์ pdf (Foxit): Download Now ]

ผมลองรวบรวมคณะที่สอนภาษาอังกฤษ ก็ได้มาตามข้างล่างนี้
[1] แนวสังเขปรายกระบวนวิชา EN230-EY454
[2] คณะมนุษยศาสตร์
หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ
[3] หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจีนภาษา
หลักสูตรวิชาโทภาษาอังกฤษ
[4] คณะศึกษาศาสตร์
หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต วิชาเอกภาษาอังกฤษ
หลักสูตรวิชาโทการสอนภาษาอังกฤษ
[เฉพาะเรื่องการดาวน์โหลดวิชาภาษาอังกฤษ ผมเคยเขียนไว้ครั้งหนึ่งที่นี่:
[87]ดาวน์โหลดตำราภาษาอังกฤษ ม.รามฯ 18 วิชา ฟรี ]
* * * * *
ตำราที่มีให้อ่าน มีหน้าตาอย่างนี้ครับ
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=en101
นี่คือตำราของวิชา EN101 ประโยคพื้นฐานและศัพท์จำเป็นในชีวิตประจำวัน (Basic Sentences and Essential Vocabulary in Daily Life)

ขอให้ท่านสังเกตว่า ในลิงค์ที่ท่านคลิกอ่าน EN101 นั้น ที่ท้ายของ URL มี code en101 ปรากฎอยู่ เห็นไหมครับ http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=en101

เอาละครับ คราวนี้ถ้าท่านต้องการอ่านตำราของคณะใด หรือวิชาใดก็ตาม ก็เพียงเอา code ตัวนั้นไปแทน เช่น

SC101 วิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน 1
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=sc101

CN102 ภาษาจีนพื้นฐาน 2
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=cn102

IT104 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทางธุรกิจ
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=it104

และแม้บางครั้งท่านอาจจะเจอข้อความทำนองนี้
ADODB.Field error '800a0bcd'
หรือ ขออภัย! ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงชั่วคราว
ก็แสดงว่าตำราเล่มนั้น ตอนนี้ยังไม่พร้อมให้ท่านอ่าน online แต่คิดว่ามีไม่มากหรอกครับ

เมื่ออ่านบทใดและชอบใจ ก็ดาวน์โหลดบทนั้นไว้ได้เลย โดย คลิกขวาที่ลิ้งค์ชื่อบทนั้น แล้วเลือก Save Target As ...

นี่คือชุมทรัพท์ทางความรู้อันมหาศาล ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีบริการประชาชน ฟรี ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณอย่างยิ่ง

และท่านก็ไม่จำเป็นต้องอ่านจบเล่ม ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย ท่านเพียงเลือกวิชาที่ท่านสนใจ บทที่ท่านสนใจ หน้าที่ท่านสนใจ แล้วก็อ่านเฉพาะตรงนั้น แต่ถ้าสนใจมากจะอ่านทั้งเล่มก็ไม่มีใครว่า

สรุปอีกครั้งหนึ่งครับ
[1] ไปที่ลิงค์นี้
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=en101

[2] ถ้าต้องการตำราภาษาอังกฤษ ก็หา code ได้จากลิงค์ข้างล่างนี้
- แนวสังเขปรายกระบวนวิชา EN230-EY454
- คณะมนุษยศาสตร์
หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ
- หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจีนภาษา
หลักสูตรวิชาโทภาษาอังกฤษ
- คณะศึกษาศาสตร์
หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต วิชาเอกภาษาอังกฤษ
หลักสูตรวิชาโทการสอนภาษาอังกฤษ

[3] ถ้าต้องการอ่านตำราคณะอื่น ๆ ก็หา code ได้จากลิงค์นี้
http://e-book.ram.edu/e-book/handbookram/handbookramhtml/content.htm

และเอา code วิชาที่ได้ ไปแทนที่ตามที่ผมอธิบายข้างบน

ขออวยพรให้ทุกท่าน
1. เก่งภาษาอังกฤษ
2. เพลิดเพลินกับการอ่านตำรา ที่ท่านสามารถเลือกอ่านได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าขณะนี้ท่านจะเรียนจบแล้ว หรือยังไม่จบ หรือไม่ได้เรียนก็ตาม

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

[331]อยู่เมืองไทย แต่ฟิตอังกฤษเหมือนอยู่เมืองนอก

สวัสดีครับ
ด้วยเหตุที่ผมไม่เคยไปเรียนเมืองนอกอย่างเป็นงานเป็นการ เคยแต่ไปเข้าคอร์สฝึกอบรมบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่กี่ครั้ง ผมก็เลยไม่รู้ว่าบรรยากาศในห้องเรียนที่เมืองนอก เช่นที่สหรัฐฯ มันเป็นยังไงบ้าง แต่ผมมีเพื่อนบางคนที่จบปริญญาตรีเมืองไทยและไปต่อโทที่สหรัฐฯ ผมก็เลยถามเขาว่าฟังอาจารย์เล็กเชอร์รู้เรื่องไหม คำตอบที่มักได้รับก็คือ ในเดือนแรก สองเดือนแรก หรือบางคนถึงสามเดือนแรก ฟังรู้เรื่องน้อยมาก แต่พออยู่ไป ๆ ก็รู้เรื่องมากขึ้น ๆ ตามลำดับ

บางคนบอกว่ามีวิธีที่ช่วยให้รู้เรื่องมากขึ้นหรือเร็วขึ้น คือ
(1)
อ่านเรื่องที่อาจารย์จะบรรยายล่วงหน้าไว้ก่อน พอฟังอาจารย์บรรยายก็จะจับประเด็นได้ง่ายขึ้น
(2) เอาเทปไปอัด และมาเปิดฟังซ้ำที่หอพัก
(3) คุยกับเพื่อนสนิท อาจจะเป็นเพื่อนนักศึกษาไทยด้วยกัน (ถ้ามี) หรือเพื่อนต่างชาติก็ได้ ว่าประเด็นนั้นประเด็นนี้อาจารย์หมายความว่ายังไง
แล้วทุกคนที่ผมคุยด้วยก็กลับเมืองไทยพร้อมใบปริญญาโท ไม่มีใครตกแม้แต่คนเดียว

ผมเคยไปเที่ยวเมืองลาว และก็ได้เห็นว่าคนลาวหลายคนพูดภาษาไทยได้ และไม่ใช่สำเนียงอีสานนะครับ สำเนียง กทม.นี่แหละ ถามแล้วได้ความว่าเพราะที่ลาวรับทีวีไทยได้ทุกช่อง จึงมีโอกาศฝึกฟังภาษาไทยทุกวัน

ผมมาคิดถึงพวกเราที่ต้องการเก่งภาษาอังกฤษ ก็น่าจะใช้วิธีเดียวกัน คือ
(1) ฟังมาก ๆ ผมได้รวบรวมลิงค์ที่สามารถเข้าไปฟัง mp3 และชมวีดิโอ ที่นี่
1. listening
2. เพลิดเพลินกับการฝึกภาษาผ่านการดูวีดิโอ
เรื่องฟังจาก mp3 หรือชมวีดิโอนี้ นอกจากฟังได้หลายเที่ยวแล้ว ยังมีข้อดีอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือ ท่านสามารถคลิก Play, Pause, Backward, Forward ได้ตามความพอใจ จุดนี้ดีกว่าฟังฝรั่งตัวเป็น ๆ พูดซะอีก
(2) อ่าน script ก่อน – ระหว่าง – หรือหลังฟัง ตามแต่ท่านจะสะดวก
(3) ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ท่านหากลุ่มเพื่อนที่มานั่งฟังพร้อมกัน ศึกษาไปด้วยกัน ถกเถียงกัน นี่จะช่วยได้เยอะครับ และทำให้การฟังมีชีวิตชีวาไม่น่าเบื่อ

ผมไปได้ไฟล์ mp3 และ mp4(วีดิโอ) มาชุดหนึ่งจากโปรแกรม iTunes ที่ผมเคยแนะนำท่านผู้อ่านเมื่อวันก่อน ไฟล์ชุดนี้ มี 12 ตอน พูดด้วย speed ปกติแต่สำเนียงชัดมาก เนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษนี่แหละครับ

เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ
1_ESL_Sentence_Fragments_ Missing

2_ESL_Helping_Verbs

3_ESL_Writing_&_Rewriting

4_ESL_Phrasal_Verbs

5_ESL_Participial_Adjectives_ Bored

6_ESL_Email_Attachment

7_ESL_ The_Present_Perfect

8_ESL_Gerunds_as_Subjects

9_ESL_The_Big_Myth_about_Prewriting

10_ESL_Because_If_and_When

11_ESL_Love_Life_and_Happiness_Abstract

12_ESL_Cause_&_Effect_Essays.m4v

ท่านลองท้าตัวเองให้ฟัง 12 ตอนข้างบนให้รู้เรื่องให้ได้ซีครับ ทำตัวเหมือนนักศึกษาซึ่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศ และฟังอาจารย์บรรยายในห้องเรียน ถ้าฟังไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องน้อยเกินไปก็จะไม่ยอมเลิก ลองท้าตัวเองดูเล่น ๆ ซีครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[330]เรียนศัพท์กับ Bangkok Post,The Nation, BBC

สวัสดีครับ
ผมเคยพูดถึงปรโยชน์ของการอ่านข่าวหรือฟังข่าวไว้ที่หัวข้อนี้ [317] เว็บสำหรับท่านที่ชอบฟังข่าว ซึ่งถ้าสรุปรวม ๆ ก็ได้ความว่าข่าวนอกจากให้ความรู้แล้ว ข่าวยังเป็นแหล่งที่เราสามารถฟิตภาษาอังกฤษของเราให้ดีขึ้นได้ในทุกทักษะ ไม่ว่าจะเป็นการ ฟัง พูด อ่าน หรือเขียน

เป็นที่น่ายินดีว่าเว็บไซต์ 3 เว็บที่เห็นประโยชน์ของการให้การศึกษาภาษาอังกฤษแก่ประชาชน คือ Bangkok Post, The Nation และ BBC ได้จัดคอลัมน์ อธิบายคำศัพท์ที่ใช้ในข่าว ขึ้นมา และได้เก็บไฟล์เก่า ๆ ไว้ที่เว็บนั้นนับย้อนหลังไปหลายปี

มอยากจะบอกว่า ไฟล์เหล่านี้เป็นเครื่องมืออันวิเศษที่จะช่วยให้เราพัฒนาภาษาอังกฤษของเราเอง

* * *
ก่อนที่จะพูดอะไรต่อไป ผมขออนุญาตเล่าประสบการณ์ของตัวเองในการฝึกอ่านข่าวสักหน่อย ผมขอสรุปเท่าที่นึกออกขณะนี้
1. แม้การรู้ศัพท์จะเป็นเรื่องจำเป็น แต่เราก็ต้องหัดเดาศัพท์และตีความเนื้อหาของข่าวให้อ่านรู้เรื่อง ลองอ่านลิงค์นี้ประกอบนะครับ [179]สอนเทคนิคการเดาความหมายของศัพท์

2. สำหรับการอ่านประโยคยาว ๆ ที่อ่านแล้วงง ลองอ่านคำแนะนำที่ลิงค์นี้: [175] เทคนิคการอ่าน นสพ.ฝรั่งให้รู้เรื่อง (ภาค 2)

3. ถ้าท่านอ่านอย่างตั้งใจแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจมากพอ ไม่ต้องท้อหรอกครับ ขยันอ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้เรื่องมากขึ้นเอง อ่านไม่รู้เรื่องไม่ได้แปลว่าไม่ได้เรื่อง คำพูดสั้น ๆ ที่ผมขอบอกก็คือ ถ้าได้อ่านก็จะอ่านได้(และเข้าใจ) ถ้าได้ฟังก็จะฟังได้(และเข้าใจ) ถ้าเราไม่หยุดและไม่ถอย เราก็จะรู้เรื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าใจร้อนเกินไปนะครับ เพราะถ้าเราใจร้อน เราก็จะร้อนใจและทำอะไรได้ไม่ดี

* * * * * * * * *

* * * Bangkok Post * * *
หน้าแรกของคอลัมน์: Word of the day และ today's word. (Words in the News)

Format ของคอลัมน์นี้มีดังนี้
1. ยกคำศัพท์ขึ้นมา และอธิบายความหมายของศัพท์นั้น โดยใช้คำและประโยคง่าย ๆ การเขียนมีความเป็นกัยเองกับผู้อ่าน และบางทีก็อธิบายการใช้ศัพท์แถมเข้าไปด้วย ทั้งนี้ได้แสดงคำอ่านศัพท์ โดยพยางค์ที่เป็นตัวบล็อก คือพยางค์ที่ลงเสียงหนัก

2. ยกประโยคตัวอย่างจริงที่ปรากฏในข่าว เพื่อแสดงการใช้คำศัพท์ และหลายประโยคที่ยกมาเป็นเหตุการณ์ในประเทศไทย ทำให้เรารู้สึกมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น

3. เมื่อเทียบวันเดือนปีที่บทความปรากฏกับประโยคตัวอย่าง จะช่วยทำให้เรารื้อฟื้นความทรงจำในอดีต เป็นการทบทวนความรู้หรือเรื่องราวที่ผ่านไปแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็นข่าวในประเทศหรือข่าวเหตุการณ์ในโลก

Bangkok Post ได้รวบรวมบทความของคอลัมน์นี้ ไว้ตั้งแต่ วันที่ 11 มกราคม 2003 ถึง วันที่ 1 ตุลาคม , 2005 รวม 140 บทความ เนื้อหาทั้งหมดนี้ถ้าตีพิมพ์ก็จะเป็นหนังสือเล่มโตมาก และคงต้องขายราคาแพง แต่ Bangkok Post ให้เราศึกษาฟรี ๆ ที่เว็บของเขา จึงเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณอย่างยิ่ง

ข้างล่างนี้เป็นลิงค์บทความ เริ่มตั้งแต่บทความแรกจนถึงบทความสุดท้าย
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27 28 29 30
31 32 33 34 35 36 37 38 39 40
41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57 58 59 60
61 62 63 64 65 66 67 68 69 70
71 72 73 74 75 76 77 78 79 80
81 82 83 84 85 86 87 88 89 90
91 92 93 94 95 96 97 98 99 100
101 102 103 104 105 106 107 108 109 110
111 112 113 114 115 116 117 118 119 120
121 122 123 124 125 126 127 128 129 130
131 132 133 134 135 136 137 138 139 140

ยังมีคอลัมน์อื่น ๆ ของ Bangkok Post ที่คล้ายกันและน่าสนใจ คือ
[1] news stories เขาเก็บไฟล์เก่าตั้งแต่ เดือนมกราคม ถึง สิงหาคม 2005 ให้เราได้ศึกษากันฟรี ๆ, format ของ News Stories คือ พาดหัวข่าว, เนื้อข่าว, และอธิบายคำศัพท์ที่สำคัญ
[2] Easy English News
[3] Easy Business News ข่าวใหม่ และ ข่าวเก่า

* * * *The Nation * * * * * *
หน้าแรกของคอลัมน์: http://www.nationmultimedia.com/edu/
หน้าบทความย้อนหลัง:คอลัมน์ LANGUAGE LAB
http://www.nationmultimedia.com/edu/backissue.html

Format ขอคอลัมน์
1. มีเนื้อข่าวให้อ่าน
2. มีคำอธิบายศัพท์ที่ควรทราบเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
2007
1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10

2006
1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10,
11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20,
21, 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29, 30,
31, 32, 33, 34, 35, 36, 37, 38

2005
1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10,
11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20,
21, 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29, 30,
31, 32, 33, 34, 35, 36, 37, 38, 39, 40,
41, 42, 43, 44, 45, 46, 47, 48, 49, 50,
51, 52

* * * BBC * * *

หน้าแรกของคอลัมน์: Words in the News

Format โดยทั่วไป ของคอลัมน์นี้คือ
1. พาดหัวข่าว
2. ข้อความสั้น ๆ บอก background ของข่าว
3. มีเสียงอ่านข่าวให้เราคลิกฟัง (คลิก Listen to the story)
4. มีข่าวทั้งข่าวให้เราอ่าน
5. มีคำอธิบายศัพท์ที่ควรทราบ
6. ถ้าต้องการอ่านเนื้อข่าวนั้นเพิ่มเติม ก็คลิก Read more about this story อาจจะเป็นข่าวจริงที่ลงตีพิมพ์ในเว็บ ส่วนข่าวที่เอามาเขียนในคอลัมน์นี้ได้ตกแต่งแก้ไขในง่ายขึ้นหน่อย ให้เหมาะสมกับนักศึกษาทั่วโลกที่ต้องการฟิตภาษาอังกฤษ
7. มีเนื้อข่าวเป็นไฟล์ pdf ให้ดาวน์โหลดฟรี

ทความเก่าที่ BBC รวบรวมไว้ที่เว็บ มีเริ่มตั้งแต่ ปี 1999 และยังทำคอลัมน์นี้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยแยกเป็น 3 ประเภท คือ
1.News Stories
2.Business Stories
3.Arts & Sports Stories

และข้างล่างนี้เป็นลิงค์บทความปีก่อน ๆ ที่กล่าวแล้ว
1999
2000
2001
2002
2003
2004
2005
2006
2007
2008

ศึกษาเพิ่มเติม:
วิชา EN421(รามคำแหงฯ)ภาษาอังกฤษในหนังสือพิมพ์ (Journalistic English)
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=en421

ผมเชื่อว่าทุกท่านสามารถทำให้ตัวเองเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นได้ และผมขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุขกับสิ่งนี้

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com