วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551

[34] ก้าวแรกของการพูดภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับ
วันหนึ่งผมนั่งรถเมล์เจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง คุยด้วยแล้วได้ความว่าเพิ่งกลับจากเมืองนอกซึ่งไปขายแรงงาน เห็นแกถือหนังสือประเภทฝึกพูดภาษาอังกฤษเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมงที่มีขายตามร้านหนังสือ ผมเข้าใจจากการพูดคุยว่าแกคงเรียนจบไม่สูงและไม่ค่อยรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษ จึงตามแกว่า “แล้วพี่จำได้หมดหรือนี่ เล่มออกโตอย่างนี้?” แกก็ตอบผมตรง ๆ ว่า “ก็ไม่ต้องไปจำให้มันหมดหรอก ประโยคไหนใช้บ่อยก็ท่องเอา” - - ขอบคุณพี่มากครับ หูตาผมสว่างขึ้นเยอะเลย

เท่าที่สังเกตน้องบางคนในที่ทำงาน ใน 4 ทักษะภาษาอังกฤษ คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน รู้สึกว่าคนที่ชอบทำงานโดยพูดภาษาอังกฤษติดต่อผู้คนมีไม่มากนัก ผมถามตัวเองว่า “ทำไมไม่ชอบพูดภาษาอังกฤษ?” ตอบว่า “พูดไม่ค่อยคล่องเลยไม่ชอบพูด” ถามว่า “ทำไมพูดไม่คล่อง?” ตอบว่า “เพราะไม่ค่อยมีโอกาสฝึกพูดมากพอ ส่วนใหญ่เรียนแต่ reading กับ grammar” และข้อสอบสารพัดอย่างจากชั้นประถม – มัธยม – มหาวิทยาลัย ก็มีแต่ reading, grammar หรือ writing นิดหน่อย ส่วน speaking มีน้อย นักเรียนนักศึกษาแม้ไม่ต้องขวนขวายเพื่อให้พูดได้ ก็สอบได้วุฒิการศึกษาอยู่นั่นเอง คนก็เลยพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ และไม่อยากพูด และ... ไม่อยากฝึกที่จะพูด ทั้งหมดนี้ผมวิเคราะห์ผิดความจริงหรือเปล่า ท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ

แต่ปัญหาที่คนเรียนจบแล้วหลายคนพบก็คือ เมื่อได้งานทำ งานบังคับให้เราต้องพูดภาษาอังกฤษ การต่อว่าครูและโรงเรียนว่าสอนไม่ได้เรื่องเราจึงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นและไม่มีใครฟัง ผมเคยมีผู้บังคับบัญชาคนหนึ่ง แกจบปริญญาเมืองนอก แต่ทุกครั้งที่แกต้องต้อนรับชาวต่างประเทศซึ่งมาเยี่ยมที่ทำงาน แกจะพูดอยู่ประโยคเดียวตอนยื่นมือ shake hand กับแขกว่า “Nice to meet you.” ประโยคเดียว net ๆ สุทธิถ้วน ๆ จริง ๆ, ส่วนที่เหลือก็ให้ลูกน้องลำดับต่อไปพุดต่อ

ปัญหาในที่ทำงานหาคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรือพูดได้น้อยมากนี้ เป็นปัญหาจริง ๆ นะครับไม่ใช่พูดเล่น ๆ ผมเคยได้ยินเพื่อนบางคนในหน่วยงานอื่นเล่าให้ฟังว่า พอมีฝรั่งมาเยี่ยมสักทีโกลาหลมาก ตำแหน่งใหญ่อันดับ 1 พูดไม่ได้มอบอันดับ 2, อันดับ 2 มอบอันดับ 3, อันดับ 3 มอบอันดับ 4, ผมยั้งปากไม่ได้ถามว่า ถ้าทุกอันดับไม่มีใครพูดฝรั่งได้เลย ต้องเชิญ รปภ.มาพูดแทนหรือเปล่าถ้ามี รปภ.คนไหนพูดภาษาอังกฤษได้

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วผมไปร่วมงานนานาชาติแห่งหนึ่งที่เมืองชิซึโอกะซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขาฟูจิที่ญี่ปุ่น ผมปวดหัวมากที่จะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าภาพแต่พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย และที่พูดได้ก็มาเจอตอนหลังว่า เขาพยักหน้าพร้อมกับพูด “ไฮ้” แสดงว่าเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เข้าใจ ผมนึกเปรียบเทียบกับคนไทย ฉับพลันก็รู้สึกชื่นชมคนไทยขึ้นมาว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนญี่ปุ่นที่ผมไปพบ คนไทยนี่พูดภาษาอังกฤษเก่งจริง ๆ

แต่คนไทยพูดภาษาอังกฤษเก่งจริงหรือ? ตลอดช่วงที่ผมทำ Blog นี้มาก็ได้รับคำถามทำนองนี้บ่อย ๆ ว่าทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้?

ในเรื่องนี้ ผมได้รวบรวมเว็บไซต์มากพอสมควรที่ช่วยในการพัฒนา speaking skill ที่นี่ครับ: การพูด การสนทนา การออกเสียง

แต่เรื่องที่ต้องไม่ลืมก็คือ speaking skill นี่นะครับมันเป็น active skill คือ ต้องมี action, ไม่เหมือน reading หรือ listening ซึ่งเป็น passive skill ไม่ต้องมี action ให้คนเห็น

เมื่อหลายวันก่อนผมดูหนังสารคดี เขาพูดถึงจีนซึ่งเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกส์ และอย่างหนึ่งที่เขาเตรียมคือฝึก staff คนจีนให้พูดภาษาอังกฤษ วิธีที่เขาทำก็คือครูจะสอนให้ผู้เรียนพูดภาษาอังกฤษดัง ๆ, ดัง ๆ จนเกือบจะเป็นตะโกน เขาบอกว่าฝึกอย่างนี้จะทำให้ผู้เรียนมีความมั่นใจที่จะพูดภาษาอังกฤษเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเจอแขกต่างประเทศจริง ๆ ผมไม่แน่ใจว่าการฝึกตะโกนพูดภาษาอังกฤษนี่เป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า รู้แต่ว่าการฝึก speaking skill โดยการพูดในใจตามวิธีที่คนไทยหลายคนชอบฝึก ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแน่นอนในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ

ขอย้อนไปพูดถึงพี่ผู้หญิงที่ผมเจอบนรถเมล์ ซึ่งแกบอกว่า “ก็ไม่ต้องไปจำให้มันหมดหรอก ประโยคไหนใช้บ่อยก็ท่องเอา” ผมก็เลยหาไฟล์ประโยคหรือวลีที่ใช้บ่อยมาให้ท่านดาวน์โหลดข้างล่างนี้ ถ้าท่าน print ออกมา, ใส่กระเป๋าถือติดตัวไป, มีเวลาก็ดึงออกมา จะพูดกับเพื่อนก็ดีครับถ้ามีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ถ้าอยู่คนเดียวก็พูดให้ตัวเองได้ยิน

ผมนึกย้อนถึงตัวเอง หลายปีที่แล้วได้ไปฝึกอบรมที่ประเทศเยอรมันนานเดือนครึ่ง ตอนนั้นก่อนไปพูดภาษาอังกฤษได้กระท่อนกระแท่นมาก พออยู่กับเพื่อนจากประเทศอื่นกว่า 10 ประเทศ ผมตั้งวินัยบังคับตัวเองว่า ถ้ามีอะไรดีที่ต้องการสื่อสาร เมื่อคิดอยู่ในใจแล้วจะต้องพูดออกไปให้ได้ เหมือนเป็นหวัดขี้มูกแน่นจมูกต้องหาทิชชู่มารอและสั่งออกไปให้ได้ นับเป็นการเข้ารับการอบรมหลักสูตรนานาชาติที่ทุลักทุเลเต็มทีครับ แต่ก็คุ้มค่า

เมื่อกลับเมืองไทย ผมจึงได้กลับมายังข้อสรุปง่าย ๆ แต่มักลืมมอง ก็คือว่า แม้เราจะอ่านอะไรได้เยอะ, reading skill จะดี, แต่เราอาจจะพูดได้ไม่ดีเลย ถ้าเราไม่ได้ฝึกพูดให้มีเสียงออกมาจากปาก ให้มีคนได้ยินเสียงที่เราพูด หรือถ้าไม่มีคนอยู่ตรงนั้น ก็พูดให้ตัวเองนั่นแหละได้ยิน

เขียนมายืดยาวนี้ ต้องการสรุปจากประสบการณ์ของตัวเองเพียงประโยคเดียวเท่านั้นแหละครับ ว่า:-
ถ้าไม่ฝึกให้สามารถพูดประโยคพื้นฐานได้คล่อง เลิกหวังเลยครับที่จะพูดเป็นงานเป็นการ, พูดแสดงความคิดเห็น, หรือ present งานต่อหน้าคนเยอะ ๆ ได้

เชิญดาวน์โหลดไฟล์ฝึกพูดประโยคพื้นฐานได้ข้างล่างนี้ครับ:

ไฟล์ WORD
1. 50_Basic_English_Questions_Answers.pdf
2. Basic_English_Conversations.pdf
3. Thai_Phrases_and_Sentences.pdf

ไฟล์ PDF
1. 50_Basic_English_Questions_Answers.doc
2. Basic_English_Conversations.doc
3. Thai_Phrases_and_Sentences.doc

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

9 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีความคิดแบบนั้นเหมือนกันครับ จะต้องฝึกกันใก้มาก(รวมผมด้วย)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เห็นด้วยมากๆเลยค่ะ และตั้งใจจะพยายามฝึกพูดเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเองให้ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับสิ่งดีๆมีนำมาแบ่งปันกัน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เวปของพี่ดีมากๆเลยค่ะ ดิฉันได้ลองศึกษาและอ่านดู สุดยอดค่ะ เพราะตอนนี้กำลังเตรียมตัวเข้าทำงาน ขอให้พี่ทำงานดีๆอย่างนี้ ต่อๆไป รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอบคุณคะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับ การฝึกพูดในระดับเบื้องต้น และเห็นด้วย ถ้าเราอยากพูดให้เป็น ก็ต้องพูด ถ้าอยากทำเป็นก็ต้องทำสิ่งนั้น บ่อยๆ อย่างตั้งใจ
นิดนึง! ก่อนที่จะฝึกใช้ประโยค ควรฝึกออกเสียง
Phonetics ก่อนจะได้ใช้พูดเป็นประโยคได้
ซึ่ง Blog นี้ก็มีให้ link อยู่แล้ว

d_day_1 กล่าวว่า...

เห็นด้วยอย่างแรงเลยคะ

aeanucha กล่าวว่า...

ขอบคุณ คุณ พิพัฒน์เป็นอย่างมากที่เป็นแสงสว่างให้กับทุกๆคน
aeanucha

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ...

เพราะเจอกับตัวมาแล้ว คือตอนนี้ดิฉันทำงานที่ต่างประเทศค่ะ ไม่นึกเหมือนกันจะมีโอกาสได้มาทำงาน พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ รู้สึกแย่เหมือนกันค่ะ เพราะพูดกับเพื่อนร่วมงานไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้กำลังฝึกอยู่ค่ะ ก็ดีขึ้นมาบ้าง ภาษา เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเราจริงๆๆค่ะ
และขอบคุณนะค่ะ ที่สร้างบล็อกที่น่าสนใจมาก และดีมากๆๆเลยค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดีมากมายเลยค่ะ น่าสนใจมากๆเลย
แต่ถ้ามีการสื่อสารที่เกี่ยวกับการทำงานในโรงพยาบาลด้วยก้น่าจะดีนะคะ ขอบคุงมากที่นำสิ่งดีๆมาสู่สังคมไทย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะค่ะ ที่มอบสิ่งดีๆให้

ดิฉันจะตั้งใจหลังจากเคยติดตามอ่านมานาน

แต่ไม่เคยทำสักที ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ